ระหว่าง 17 ธันวาคม 2555 - 23 ธันวาคม 2555
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 18-22 ธ.ค. มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 5-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. หลังจากวันที่ 23 ธ.ค.เป็นต้นไป อุณหภูมิจะลดลงอีก 3-5 องศาเซลเซียส และมีหมอกในตอนเช้า อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 3-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80% - ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนไม่ให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว และทำแผงกำบังลมหนาว -ในช่วงวันที่ 19-23 ธ.ค.บริเวณเทือกเขาและ ยอดดอยจะมีน้ำค้างแข็งได้บางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร - สำหรับสภาพอากาศแห้ง และมีแสงแดดจัด เกษตรกรสามารถนำผลผลิตทางการเกษตรมาผึ่งแดดเพื่อลดความชื้น
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 18-21 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. หลังจากวันที่ 22 ธ.ค.เป็นต้นไป อุณหภูมิจะลดลงอีก 4-6 องศาเซลเซียส กับมีลมแรง อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75% - ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย - ในช่วงที่อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว ทำให้อุณหภูมิน้ำลดต่ำลง อาจทำให้ปลาช็อคตายได้ เกษตรกรควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อเพิ่มออกซิเจนและป้องกันไม่ให้อุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว นอกจากนี้ ควรลดปริมาณอาหารลง เนื่องจากสัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อย เพื่อป้องกันเศษอาหารเหลือทำให้น้ำเน่าเสีย
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 18-22 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. หลังจากวันที่ 23 ธ.ค.เป็นต้นไป มีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลงอีก 3-5 องศาเซลเซียส อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ความชื้นสัมพัทธ์ 65-75% - ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย - ช่วงที่อากาศมีอุณหภูมิลดลงผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำ ควรเฝ้าระวังอย่าให้อุณหภูมิน้ำมีการเปลี่ยนแปลงมาก ซึ่งจะทำให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย - สำหรับสภาพอากาศที่แห้งและลมแรง ทำให้เกิดการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ที่จะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืช ทำให้ต้นทรุดโทรมได้
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 18-22 ธ.ค. อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส โดยมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. หลังจากวันที่ 23 ธ.ค.เป็นต้นไป มีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลงอีก 3-5 องศาเซลเซียส อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ความชื้นสัมพัทธ์ 70-80% - ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย - สำหรับสภาพอากาศที่แห้ง สวนผลไม้ที่อยู่ในระยะเตรียมแทงช่อดอก ชาวสวนควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกปากดูดซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืช ทำให้ต้นทรุดโทรมได้ - ในระยะต่อไปปริมาณฝนลดลง เกษตรกรควรวางแผนการจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 17-18 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 19-23 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85% - ทางตอนบนของฝั่งตะวันออก มีปริมาณฝนไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่พืชที่ปลูก เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลงได้ - ในช่วงวันที่ 19-23 ธ.ค. ทางตอนล่างของฝั่งตะวันออกจะมีฝนตกหนัก เกษตรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว - ระยะนี้บางช่วงมีฝนตกหนัก เกษตรกรควรขุดลอกคูคลองและทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังพื้นที่เพาะปลูก - ในช่วงที่มีความชื้นสูงโดยเฉพาะทางตอนล่างของภาค ผู้ที่ปลูกพืชสวนควรดูแลสภาพสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา - อนึ่ง ในช่วงวันที่ 19-23 ธ.ค. บริเวณอ่าวไทยตอนล่างจะมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมง ควรเดินเรือ ด้วยความระมัดระวัง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 17-18 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 19-23 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ความชื้นสัมพัทธ์ 75-85% - ในช่วงที่มีความชื้นสูงโดยเฉพาะทางตอนล่างของภาค ผู้ที่ปลูกพืชสวนควรดูแลสภาพสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74