พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 18 มกราคม 2556 - 24 มกราคม 2556

ข่าวทั่วไป Monday January 21, 2013 06:49 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 18 มกราคม 2556 - 24 มกราคม 2556

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 18-20 ม.ค. มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศาเซลเซียส ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 3-9 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 21-24 ม.ค. มีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียสส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

  • ในช่วงนี้ เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวังขณะผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา สำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เกษตรกรไม่ควรตากไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายเนื่องจากหมอกได้
  • ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นลง เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่จุดไฟผิงเพื่อเพิ่มความอบอุ่นควรดับไฟให้สนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย
  • สำหรับบริเวณยอดดอยจะมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 18-19 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-3 องศาเซลเซียส และมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 13-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 20-24 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ในช่วงวันที่ 18-19 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลงและมีลมแรง เกษตกรกรควรเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกายและสัตว์เลี้ยง รวมทั้งทำแผงกำบังลมหนาวให้แก่สัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็น จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลอุณหภูมิน้ำไม่ให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพราะสัตว์น้ำจะปรับตัวไม่ทัน ทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ระยะนี้สภาพอากาศแห้ง และมีแสงแดดจัด เกษตรกรสามารถนำผลผลิตทางการเกษตรออกผึ่งแดดเพื่อลดความชื้น

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 18-19 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 20-24 ม.ค. อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส โดยมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

-ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นลง เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

  • ในระยะนี้สภาพอากาศแห้งทำให้มีน้ำระเหยจากพื้นดินได้มาก เกษตรกรควรคลุมพื้นที่การเกษตรด้วยวัสดุ เหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อรักษาความชื้นภายในดิน
  • สำหรับเกษตรกรที่ปลูกพืชนอกเขตชลประทานโดยใช้แหล่งน้ำของตนเองควรวางแผนการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 18-19 ม.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศาเซลเซียส และมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 20-24 ม.ค. อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส โดยมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

-ในช่วงที่อากาศหนาวเย็นลง เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย

  • ระยะนี้สภาพอากาศแห้งและน้ำระเหยมาก ไม้ผลที่ดอกบานและติดผลแล้ว ชาวสวนควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งกำจัดวัชพืชภายในสวน เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากไม้ผล นอกจากนี้ควรป้องกันกำจัดศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยไว้ด้วย
  • ในช่วงที่อุณหภูมิลดลง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำ ควรลดปริมาณอาหารลง เพราะ สัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อย เศษอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสียได้

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 18-20 ม.ค. อากาศเย็นทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตรส่วนในช่วงวันที่ 21-24 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
  • ระยะนี้ทางตอนบนของภาคจะมีฝนตกน้อย ประกอบกับสภาพอากาศแห้ง เกษตรควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่พืชที่กำลังเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ รวมทั้งคลุมดินบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อสงวนความชื้นในดิน นอกจากนั้นควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่และไม้ผล
  • บริเวณตอนล่างของภาคในช่วงวันที่ 21-24 ม.ค. จะมีฝนเพิ่มขึ้น ชาวสวนผลไม้ และยางพาราควรดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันโรคพืชจากเชื้อรา
  • ในช่วงวันที่ 18-19 ม.ค. บริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรธรรมราชลงไป จะมีคลื่นสูงประมาณ 2 - 3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

  • ฝั่งตะวันตก นช่วงวันที่ 18-20 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งมีคลื่นสูง 1-2 เมตรส่วนในช่วงวันที่ 21-24 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร
  • ระยะนี้ทางตอนบนของภาคจะมีฝนตกน้อย ประกอบกับสภาพอากาศแห้ง เกษตรควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่พืชที่กำลังเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ รวมทั้งคลุมดินบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อสงวนความชื้นในดิน นอกจากนั้นควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่และไม้ผล
  • บริเวณตอนล่างของภาคในช่วงวันที่ 21-24 ม.ค. จะมีฝนเพิ่มขึ้น ชาวสวนผลไม้ และยางพาราควรดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันโรคพืชจากเชื้อรา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ