ระหว่าง 11 กุมภาพันธ์ 2556 - 17 กุมภาพันธ์ 2556
ภาคเหนือ
อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ตลอดช่วง โดยมีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
- ในช่วงที่มีหมอกและหมอกหนาในตอนเช้า เกษตรกรควรขับขี่ยานพาหนะด้วยความระมัดระวัง ส่วนผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้วไม่ควรตากไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะจะเปียกชื้นเสียหาย เนื่องจากหมอกและน้ำค้าง
- สำหรับผู้ที่ปลูกพืชผักในระยะนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคราน้ำค้างที่อาจเกิดขึ้นได้
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 11-13 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 15-17 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- ในช่วงวันที่ 15 — 17 ก.พ. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงทางตอนล่างของภาค เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น รวมทั้งพืชผลทางการเกษตร
-สำหรับสภาพอากาศที่แตกต่างกันมากในช่วงกลางวัน และกลางคืน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 11-13 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 14-17 ก.พ. อากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
-ระยะนี้แม้จะมีฝนตก แต่ไม่ต่อเนื่องและไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ เกษตรกรที่ไม่มีแหล่งน้ำสำรองควรหลีกเลี่ยงการปลูกพืชรุ่นใหม่เพื่อป้องการการขาดน้ำในระยะต่อไป
- สำหรับพืชไร่และพืชผักที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ รวมทั้งกำจัดวัชพืชเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากพืชในแปลงปลูก
- ในช่วงวันที่ 14-17 ก.พ. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงส่วนมากทางตอนล่างของภาค เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 11-13 ก.พ. มีหมอกบางในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 14-17 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- ในช่วงวันที่ 11-13 ก.พ. จะมีฝนบางแห่งและปริมาณไม่มาก เกษตรกรที่ปลูกพืชไร่และพืชผัก ควรดูแลให้น้ำอย่างเหมาะสม เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ผลผลิตลดลง
- ในช่วงวันที่ 14 -17 ก.พ. จะมีฝนเพิ่มขึ้นซึ่งจะเป็นผลดีกับพืชที่กำลังเจริญเติบโตและไม้ผลซึ่งอยู่ในระยะให้ผลผลิต และจะช่วยลดการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดลงไปได้
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 11-13 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 14-17 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
- ทางตอนบนของภาคมีฝนตกน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่มีระบบรากตื้นอย่างเพียงพอ
- ทางตอนล่างของภาคจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น เกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตรด้วยเนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นช่วงหน้าแล้ง
-ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะแตกใบอ่อน เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำให้ต้นทรุดโทรม
- ในช่วงวันที่ 11 -13 ก.พ. อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 11-13 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 14-17 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- ระยะนี้แม้จะมีฝนตก แต่มีปริมาณน้อยไม่เพียงพอต่อพืช เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่มีระบบรากตื้นอย่างเพียงพอ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74