พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 15 กุมภาพันธ์ 2556 - 21 กุมภาพันธ์ 2556

ข่าวทั่วไป Monday February 18, 2013 07:05 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 15 กุมภาพันธ์ 2556 - 21 กุมภาพันธ์ 2556

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 15-17 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และ มีหมอกหนาในบางพื้นที่ โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีฝนเล็กน้อยบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

  • ในช่วงวันที่ 15-17 ก.พ. จะมีหมอกและหมอกหนา เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง
  • ระยะนี้อุณหภูมิอากาศระหว่างกลางวันและกลางคืนแตกต่างกันมาก ร่างกายอาจปรับตัวไม่ทันและเจ็บป่วยได้ เกษตรกรจึงควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง
  • ในช่วงวันที่ 18-21 ก.พ. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 15-19 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 20-21 ก.พ. อากาศเย็นในตอนเช้า และมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • ระยะนี้อุณหภูมิอากาศระหว่างกลางวันและกลางคืนแตกต่างกันมาก เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ในช่วงวันที่ 20-21 ก.พ. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง และพืชผลทางการเกษตร
  • ระยะนี้แม้จะมีฝนตกแต่ไม่ครอบคลุมทุกพื้นที่ เกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานควรวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 16-17 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 18-20 ก.พ. อากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. หลังจากนั้นมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

  • ระยะนี้จะมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน ประกอบกับมีแสงแดดจัด ทำให้น้ำระเหยมาก เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น เศษใบไม้ ฟางข้าว หรือหญ้าแห้งเพื่อสงวนความชื้นในดิน
  • ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ พืชผลทางการเกษตรที่แก่ดีแล้ว เกษตรกรควรรีบเก็บเกี่ยวและไม่ปล่อยไว้กลางแจ้ง เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 15-17 ก.พ. มีหมอกบางในตอนเช้า และมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 18-19 ก.พ. อากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 20-21 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

  • ในช่วงวันที่ 20-21 ก.พ. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้ ชาวสวนผลไม้ควรผูกยึดและค้ำยันกิ่งและลำต้นของไม้ผลให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการหักโค่นเมื่อมีลมแรง
  • ระยะนี้แม้จะมีฝนตก แต่ปริมาณไม่มาก เกษตรกรควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่พืชที่กำลังเจริญเติบโต และไม้ผลที่อยู่ในระยะให้ผลผลิตอย่างเพียงพอ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 15-17 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมาลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
  • ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 16-18 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 19-21 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
  • ทางตอนบนของภาคจะมีฝนตกน้อย ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาไม่มีฝนตกในหลายพื้นที่ เกษตรกรควรระวังป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ย รวมทั้งควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชอย่างเหมาะสม ส่วนชาวสวนยางพาราควรทำแนวกันไฟรอบๆ พื้นที่การเกษตรและอาคารบ้านเรือน เพื่อป้องกันการลุกลามของอัคคีภัยด้วย
  • สำหรับเกษตรกรที่อยู่ทางฝั่งตะวันออกควรกักเก็บน้ำไว้ใช้สำหรับการเกษตรในช่วงที่มีฝนตกน้อยในระยะต่อไป

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ