พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 25 กุมภาพันธ์ 2556 - 03 มีนาคม 2556

ข่าวทั่วไป Tuesday February 26, 2013 06:50 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 25 กุมภาพันธ์ 2556 - 03 มีนาคม 2556

ภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 25 -26 ก.พ. อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 27 ก.พ.- 3 มี.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้น กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 19-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

  • ระยะนี้เป็นช่วงต้นฤดูร้อนสภาพอากาศจะแปรปรวน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหากร่ายกายปรับตัวไม่ทัน
  • สำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหาย เนื่องจากหมอกและน้ำค้างได้
  • เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝน จะลดลง เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักใว้อย่างประหยัด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงวันที่ 25 -26 ก.พ. อากาศเย็นทางบนของภาคกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 27 ก.พ.- 3 มี.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้น กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 19-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • สำหรับอุณหภูมิที่แตกต่างกันมากระหว่างสูงสุดและต่ำสุด เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ระยะนี้ปริมาณฝนมีน้อย ส่งผลให้ความชื้นในดินลดลง เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน และรักษาอุณหภูมิดิน
  • สำหรับสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่ และไม้ผลตลอดจนพืชผัก ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นพืชทรุดโทรม

ภาคกลาง ในช่วงวันที่ 25.-26 ก.พ มีเมฆบางส่วนกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 27 ก.พ.- 3 มี.ค. มีหมอกในตอนเช้า กับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน และฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณตอนล่างของภาคลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ ควรมีแหล่งน้ำสำรองเอาไว้ให้พืชในระยะเจริญเติบโต เพราะถ้าได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต หากขาดน้ำจะทำให้สูญเสียผลผลิตโดยสิ้นเชิง
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยงให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำหากขาดความสมดุลจะทำให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • สำหรับสภาพอากาศที่ร้อนในตอนกลางวัน เกษตรกรควรลดอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ โดยฉีดน้ำบริเวณหลังคา และควรเพิ่มน้ำกินให้แก่สัตว์เลี้ยง รวมทั้งดูแลโรงเรือนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวกไม่ร้อน หรือเย็นจนเกินไป

ภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 25 -26 ก.พ. มีเมฆบางส่วนกับมีหมอกในตอนเช้า มีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 27 ก.พ.-3 มี.ค. มีหมอกในตอนเช้า และมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรดูแลให้น้ำอย่างเหมาะสม เพราะหากได้รับน้ำ ไม่เพียงพอจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตด้อยคุณภาพ
  • ส่วนบริเวณที่มีฝนตกน้อย สภาพอากาศแห้งเกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวก ปากดูดซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง
  • เนื่องจากปริมาณฝนมีน้อย เกษตรกรควรรักษาความชื้นภายในดิน โดยคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อรักษาความชื้นภายในดิน

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 25-26 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่สุราษฏร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่นครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 27 ก.พ.-3 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่สุราษฏร์ธานีขึ้นมา : ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่นครศรีธรรมราชลงไป : ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • ฝนที่ตกในระยะนี้สามารถบรรเทาความแห้งแล้งลงไปได้ในบางพื้นที่ ส่วนบริเวณที่มีฝนตก เกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตร
  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกและแตกใบอ่อน เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำให้การติดผลลดลง และต้นทรุดโทรม
  • ส่วนทางตอนบนของภาคซึ่งปริมาณฝนมีน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม
  • ในช่วงวันที่ 25-26 ก.พ. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปควรงดออกฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 25-28 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 1-3 มี.ค. ฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ฝนที่ตกในระยะนี้สามารถบรรเทาความแห้งแล้งลงไปได้ในบางพื้นที่ ส่วนบริเวณที่มีฝนตก เกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตร
  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกและแตกใบอ่อน เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำให้การติดผลลดลง และต้นทรุดโทรม
  • ส่วนทางตอนบนของภาคซึ่งปริมาณฝนมีน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ