พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 13 มีนาคม 2556 - 19 มีนาคม 2556

ข่าวทั่วไป Thursday March 14, 2013 07:31 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 13 มีนาคม 2556 - 19 มีนาคม 2556

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 14-17 มี.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นในตอนเช้า อากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 18-19 มี.ค. อากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง โดยอากาศจะเย็นลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ในช่วงวันที่ 18-19 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว ส่วนชาวสวนควรผูกโยงและค้ำยันกิ่งของไม้ผลให้แข็งแรง เพื่อป้องกันกิ่งฉีกหักเมื่อมีลมพัดแรง
  • สำหรับฝนที่ตกในระยะนี้ปริมาณจะไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรดูแลให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืช เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ต้นทรุดโทรม

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 14-17 มี.ค. อากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 18-19 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณด้านตะวันออกและตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรตรวจซ่อมอาคารบ้านเรือนให้แข็งแรง และหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ตลอดจนป้ายโฆษณาสูงๆ ขณะมีลมแรง
  • เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 13-14 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 15-19 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ในช่วงวันที่ 15-19 มี.ค. เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง
  • ระยะนี้แม้จะมีฝนแต่ปริมาณไม่มาก เกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานควรวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้มีน้ำเพียงพอตลอดช่วงแล้ง สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลให้ปริมาณน้ำเหมาะสมกับจำนวนสัตว์น้ำ หากจำนวนสัตว์น้ำหนาแน่นเกินไปจะทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • สภาพอากาศที่ร้อน ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก รวมทั้งจัดหาน้ำให้แก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียด และเจ็บป่วย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 14-17 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 18-19 มี.ค. ทางตอนบนของภาคอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ในช่วงวันที่ 14-17 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับอาคารบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง และพืชผลทางการเกษตร
  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะออกผล ซึ่งอยู่ในบริเวณที่ฝนไม่ตกและไม่มีปริมาณน้ำสำรองพอเพียง ชาวสวนควรปลิดผลบางส่วนทิ้ง เหลือไว้แต่ผลที่สมบูรณ์ ส่วนบริเวณที่มีฝนตก เกษตรกรควรเก็บกักน้ำไว้ใช้ในช่วงต่อไปด้วย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 13-16 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 17-19 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
  • ฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
  • ในช่วงวันที่ 13-16 มี.ค. ทางฝั่งตะวันออกจะมีฝนเพิ่มขึ้น ซึ่งจะเป็นผลดีกับพืชที่กำลังเจริญเติบโตและช่วยลดการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ย เกษตรกรควรกักเก็บน้ำ ไว้ใช้ในช่วงที่มีฝนน้อยต่อไปด้วย ส่วนทางตอนบนของภาคจะมีฝนตกไม่มาก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ และคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อสงวนความชื้นในดิน

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ