พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 15 มีนาคม 2556 - 21 มีนาคม 2556

ข่าวทั่วไป Monday March 18, 2013 07:43 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 15 มีนาคม 2556 - 21 มีนาคม 2556

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 15-17 มี.ค. อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกในตอนเช้า และมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางด้านตะวันออกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 16-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่กับลมกระโชกแรงบางแห่ง อากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ในช่วงวันที่ 18-21 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง รวมทั้งมีอากาศเย็นถึงหนาวในตอนเช้า ผลผลิตทางการเกษตรที่แก่ดีแล้ว เกษตรกรควรรีบเก็บเกี่ยว และไม่ควรตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งในช่วงดังกล่าวเพราะจะเปียกชื้น เสียหายได้ ทั้งนี้เกษตรกรควรดูแลร่างกายของตนเองและสัตว์เลี้ยงให้อบอุ่น เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับฝนที่ตกในช่วงนี้ปริมาณยังมีน้อยและการกระจายยังไม่ทั่วถึง เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่พืชอย่างเหมาะสม

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 15-16 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค และอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 17-21 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนและทางด้านตะวันออกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ในช่วงตลอดสัปดาห์นี้ จะมีฝนฟ้าคะนองบาง กับมีลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
  • แม้จะมีฝนตกในระยะนี้ แต่มีปริมาณยังน้อย ประกอบกับปริมาณน้ำระเหยจากพื้นดินมีมาก เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ใบไม้ และหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน และรักษาอุณหภูมิดินไม่ให้ร้อนเกินไป

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 15-17 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ในช่วงวันที่ 15-17 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
  • สำหรับสภาพอากาศที่ร้อนในตอนกลางวัน ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก รวมทั้งจัดหาน้ำกินให้แก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียดและเจ็บป่วย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 15-17 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 มี.ค. ทางตอนบนของภาคอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

  • ในช่วงวันที่ 15-17 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล เช่น มังคุด ทุเรียน ชาวสวนควร ดูแลให้น้ำอย่างเพียงพอ เพราะถ้าได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลผลิตด้อยคุณภาพ หากขาดน้ำจะทำให้ผลร่วงหล่น
  • เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝน จะลดลง เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัดเพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 15-17 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนบนของภาคลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร
  • สำหรับบริเวณที่มีฝนตก เกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตร เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง
  • ส่วนยางพาราที่อยู่ในระยะแตกใบอ่อนควร เกษตรกรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราไว้ด้วย
  • ส่วนบริเวณที่มีฝนตกน้อย และสภาพอากาศแห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชทรุดโทรม

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 15-17 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

  • สำหรับบริเวณที่มีฝนตก เกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตร เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง
  • ส่วนยางพาราที่อยู่ในระยะแตกใบอ่อนควร เกษตรกรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราไว้ด้วย
  • ส่วนบริเวณที่มีฝนตกน้อย และสภาพอากาศแห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชทรุดโทรม

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ