พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 20 มีนาคม 2556 - 26 มีนาคม 2556

ข่าวทั่วไป Thursday March 21, 2013 06:59 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 20 มีนาคม 2556 - 26 มีนาคม 2556

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 20-24 มี.ค. อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 15-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 25-26 มี.ค. มีอากาศร้อนขึ้นกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

  • สภาพอากาศที่ร้อนอาจทำให้สัตว์เลี้ยงมีอาการเครียด กินอาหารน้อยลง และเจ็บป่วยได้ ดังนั้นเกษตรกรควรจัดหาน้ำให้อย่างเพียงพอ และดูแลโรงเรือนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทสะดวก
  • สำหรับปริมาณฝนที่ตกในช่วงนี้มีน้อย ชาวสวนจึงควรดูแลให้น้ำแก่ไม้ผลที่กำลังให้ผลผลิตอย่างเพียงพอ และควรนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรคลุมบริเวณโคนต้นเพื่อสงวนความชื้นในดิน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 20-24 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 18-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 25-26 มี.ค. อากาศร้อนขึ้นกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างและทางด้านตะวันออกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • สภาพอากาศแห้งและฝนตกน้อย เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ในพืชไร่และพืชผัก
  • ในช่วงวันที่ 20-24 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะไม้ผลที่กำลังเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรผูกโยงหรือค้ำยันกิ่งที่รับน้ำหนักมากให้แข็งแรง รวมทั้งไม่ควรตากผลผลิตไว้กลางแจ้ง เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 20-23 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 24-26 มี.ค. อากาศร้อนขึ้นกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่าง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ในช่วงวันที่ 20-23 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดจากสภาวะดังกล่าว
  • ระยะนี้มีแสงแดดจัด เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานๆ หากมีความจำเป็นควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด และดื่มน้ำบ่อยครั้ง
  • ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะสมกับปริมาณสัตว์ที่เลี้ยงและควรจัดทำร่มเงาให้สัตว์เข้าพักในช่วงที่มีแสงแดดจัด

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 20-24 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 25-26 มี.ค. อากาศร้อนขึ้นกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

  • ในช่วงวันที่ 20-24 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง ชาวสวนควรป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับไม้ผลที่กำลังเจริญเติบโตทางผล โดยค้ำยันกิ่งและลำต้นให้แข็งแรง
  • ระยะนี้แม้จะมีฝนตกแต่ปริมาณไม่มาก เกษตกรควรวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้เพียงพอตลอดช่วงแล้ง
  • สภาพอากาศที่ร้อนและมีแสงแดดจัด ทำให้น้ำระเหยมาก เกษตรกรควรคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อสงวนความชื้นในดิน

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

  • ฝั่งตะวันออกมีเมฆบางส่วน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
  • ฝั่งตะวันตกอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร
  • บริเวณที่มีฝนตกน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชทรุดโทรม
  • ส่วนชาวสวนยางพาราควรป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยเก็บกวาดเศษใบไม้แห้งที่ร่วงหล่นในสวนให้โล่งเตียน และทำแนวกันไฟรอบสวน

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ