พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 10 เมษายน 2556 - 16 เมษายน 2556

ข่าวทั่วไป Thursday April 11, 2013 06:49 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 10 เมษายน 2556 - 16 เมษายน 2556

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 10-12 เม.ย. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-25 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 13-16 เม.ย. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-24 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนในระยะนี้ เกษตรกรควรลดอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งจัดหาน้ำดื่มให้กับสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียดอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ฝนที่ตกในระยะนี้จะเป็นผลดีกับพืชที่ขาดน้ำในระยะที่ผ่านมา เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่นใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เพื่อสงวนความชื้นภายในดิน

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 10-13 เม.ย. อากาศร้อน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-37 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 14-16 เม.ย. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ในช่วงวันที่ 14 - 16 เม.ย. จะมีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับอาคารบ้านเรือนและพืชผลทางการเกษตร โดยหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง
  • ฝนที่ตกในระยะนี้จะเป็นผลดีกับพืชที่ขาดน้ำในระยะที่ผ่านมา และช่วยลดการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ย บริเวณที่มีฝนตกหนัก เกษตรกรควรเก็บกักน้ำสำรองไว้ใช้ในการอุปโภคและบริโภคในระยะต่อไปด้วย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 10-11 เม.ย. อากาศร้อน กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 12-16 เม.ย. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ในช่วงที่มีอากาศร้อนถึงร้อนจัด ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรลดอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งจัดหาน้ำดื่มให้กับสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียดอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ฝนที่ตกในระยะนี้จะเป็นผลดีกับพืชที่ขาดน้ำในระยะที่ผ่านมา และช่วยลดการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ย นอกจากนี้ เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่นใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวหน้าดิน

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 10-11 เม.ย. อากาศร้อน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 33-39 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 12-16 เม.ย. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-37 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ในช่วงวันที่ 10-11 เม.ย. จะมีพายุฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหาย โดยเฉพาะไม้ผลที่กำลังให้ผลผลิต ชาวสวนควรผูกยึดและค้ำยันกิ่งที่รับน้ำหนักมากให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการหักโค่น
  • ในช่วงวันที่ 12-16 เม.ย. จะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ ซึ่งจะเป็นผลดีกับพืชที่ขาดน้ำในระยะที่ผ่านมา และช่วยลดการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ย บริเวณที่มีฝนตกหนัก เกษตรกรควรเก็บกักน้ำสำรองไว้ใช้ในการอุปโภคและบริโภคในระยะต่อไปด้วย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 10-11 เม.ย. อากาศร้อน และมีฝนฟ้าคะนองบางเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-27 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 12-16 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

  • ฝนที่ตกในระยะนี้จะเป็นผลดีกับพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต นอกจากนี้เกษตรกรที่มีแหล่งเก็บน้ำเป็นของตนเอง ควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในด้านการเกษตร รวมถึงวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพเพื่อจะได้มีน้ำใช้ในระยะต่อไป
  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะแตกใบอ่อน และออกดอก เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราไว้ด้วย
  • ในช่วงวันที่ 12-16 เม.ย. จะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายจากสภาวะที่จะเกิดขึ้นเนื่องจากฝนตกหนักไว้ด้วย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 10-11 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 12-16 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ฝนที่ตกในระยะนี้จะเป็นผลดีกับพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต นอกจากนี้เกษตรกรที่มีแหล่งเก็บน้ำเป็นของตนเอง ควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ในด้านการเกษตร รวมถึงวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพเพื่อจะได้มีน้ำใช้ในระยะต่อไป
  • ในช่วงวันที่ 12-16 เม.ย. จะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังอันตรายจากสภาวะที่จะเกิดขึ้นเนื่องจากฝนตกหนักไว้ด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ