พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 17 เมษายน 2556 - 23 เมษายน 2556

ข่าวทั่วไป Thursday April 18, 2013 06:54 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 17 เมษายน 2556 - 23 เมษายน 2556

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 17-20 เม.ย. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 37-39 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากทางด้านตะวันออกของภาค ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 21-23 เม.ย. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

  • ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย หากร่างกายปรับตัวไม่ทัน
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • แม้จะมีฝนตกแต่ปริมาณยังไม่เพียงพอ เกษตรกรควร ให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างเหมาะสมเพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจิญเติบโต ผลผลิตลดลง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 17-20 เม.ย. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 21-23 เม.ย. อากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 37-40 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียสโดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • แม้จะมีฝนตก แต่ปริมาณยังมีน้อยและการกระจายยังไม่ทั่วถึงผู้ที่ต้องการปลูกพืชควรรอให้การกระจายของฝนมีความสม่ำเสมอ หรือความชื้นในดินเพียงพอ แล้วค่อยปลูกเพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำของพืช
  • สำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้วหากเปียกฝนในระยะที่ผ่านมา เกษตรกรควรลดความชื้น ก่อนนำเข้าโรงเก็บ เพื่อป้องกันผลผลิตเน่าเสียหาย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 17-18 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณตอนล่างของภาค อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 19-23 เม.ย. อากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ฝนที่ตกในระยะนี้จะช่วยบรรเทาความร้อนอบอ้าวลงไปได้บ้าง และจะเป็นผลดีกับพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต ตลอดจนช่วยลดการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพราะสัตว์น้ำอาจปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ระยะนี้แม้จะมีฝนตก แต่ปริมาณน้อยการกระจายยังไม่ทั่วถึง เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชควรรอให้มีการกระจายของฝนมีความสม่ำเสมอ หรือความชื้นในดินเพียงพอ แล้วค่อยลงมือปลูก

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 17-18 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไปร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งตามบริเวณชายฝั่ง อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 19-23 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจายร้อยละ 20-40 ของพื้นที่อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในระยะนี้ควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพราะจะทำให้สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นฤดูฝน เกษตรกรควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
  • เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำให้ต้นทรุดโทรมได้

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 17-18 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนบนของภาค อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 19-23 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ในช่วงวันที่ 17-18 เม.ย. จะมีฝนตกหนักทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
  • ฝนที่ตกในระยะนี้จะเป็นผลดีกับพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตและช่วยลดการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่นเพลี้ยและไรต่างๆลงไปได้
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำ ควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพราะจะทำให้สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • อนึ่งในช่วงวันที่ 17-18 เม.ย. บริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทย จะมีคลื่นลมแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 17-18 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนบนของภาค อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 19-23 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ในช่วงวันที่ 17-18 เม.ย. จะมีฝนตกหนักทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
  • ระยะนี้บริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันตกจะเริ่มมีฝนเพิ่มมากขึ้น เกษตรกรควรเตรียมทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำขังในแปลงปลูกพืชเมื่อมีฝนตกหนัก
  • ฝนที่ตกในระยะนี้จะเป็นผลดีกับพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตและช่วยลดการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่นเพลี้ยและไรต่างๆลงไปได้
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำ ควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพราะจะทำให้สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • อนึ่งในช่วงวันที่ 17-18 เม.ย. บริเวณทะเลอันดามัน และอ่าวไทย จะมีคลื่นลมแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ