พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง ระหว่าง 01 พฤษภาคม 2556 - 07 พฤษภาคม 2556

ข่าวทั่วไป Thursday May 2, 2013 08:42 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 01 พฤษภาคม 2556 - 07 พฤษภาคม 2556

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 1 - 3 พ.ค. อากาศร้อนถึงร้อนจัดกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตะวันตกของภาคอุณหภูมิสูงสุด 38-41 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 4 - 7 พ.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝน ฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

-ระยะนี้ทางตอนบนของภาคอาจมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงบางแห่ง สำหรับผลผลิตทางการเกษตรที่แก่ดีแล้ว เกษตรกรควรรีบเก็บเกี่ยวไม่ควรปล่อยทิ้งไว้กลางแจ้ง เพราะอาจเปียกชื้นและเสียหายได้

-สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกพืชในช่วงฤดูฝนนี้ ควรเตรียมดินไว้ให้พร้อม เพื่อจะได้ลงมือปลูก เมื่อมีฝนตกสม่ำเสมอ หรือมีความชื้นในดิน เพียงพอ

-ฝนที่ตกในระยะครึ่งหลังของช่วงนี้จะช่วยบรรเทาความร้อนอบอ้าวลงไปได้ และลดการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดเช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 1 - 2 พ.ค. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนและด้านตะวันออกของภาค อุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 3 - 7 พ.ค. โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

-ในช่วงวันที่ 3-7 พ.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว

-ระยะนี้ สภาพอากาศแปรปรวน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย

  • แม้จะมีฝนตก แต่การกระจายยังไม่สม่ำสมอ เกษตรกรควรรอให้ฝนตกสม่ำสมอและมีความชื้นในดินเพียงพอ แล้วค่อยลงมือปลูก เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำของพืช

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 1 -3 พ.ค. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 4-7 พ.ค. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาค อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ใช่วงวันที่ 3-7 พ.ค.จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกร ควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้ต้นไม้ใหญ่ สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง รวมทั้งบ้ายโฆษณาสูงๆขณะ มีลมแรง
  • สำหรับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรหมั่นสังเกตหากพบสัตว์ป่วยควรแยกออกจากกลุ่ม แล้วรีบรักษา เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ไปยังตัวอื่นๆ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสัตว์ป่วยโดยตรง หากมีความจำเป็นควรสวมถุงมือทุกครั้ง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 1 - 3 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 4-7 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • เนื่องจากระยะต่อไปจะเข้าสู่ฤดูฝน เกษตรกรควรเตรียมขุดลอกคูคลองและทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก
  • เกษตรกรควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำให้ต้นทรุดโทรมผลผลิตเสียหาย
  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่มีความชื้นในดินเพียงพอ เกษตรกรสามารถลงมือพืชได้แล้ว

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองกระจายร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

  • ในช่วงที่มีฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
  • ระยะนี้ทางภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนมากกว่าทางภาคใต้ตอนบน เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในที่ลุ่ม เมื่อมีฝนตกหนัก
  • สำหรับพื้นที่การเกษตรซึ่งมีความชื้นในดินเพียงพอ เกษตรกรสามารถลงมือปลูกพืชได้แล้วในระยะนี้ เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะเพิ่มมากขึ้น
  • ฝนที่ตกในระยะนี้จะเป็นผลผลดีกับพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต และไม้ผลที่อยู่ในระยะผลิดอกและออกผล รวมทั้งจะช่วยลดการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดเช่น เพลี้ยและไรลงไปได้

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

  • ในช่วงที่มีฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
  • ระยะนี้ทางภาคใต้ตอนล่างจะมีฝนมากกว่าทางภาคใต้ตอนบน เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในที่ลุ่ม เมื่อมีฝนตกหนัก
  • สำหรับพื้นที่การเกษตรซึ่งมีความชื้นในดินเพียงพอ เกษตรกรสามารถลงมือปลูกพืชได้แล้วในระยะนี้ เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะเพิ่มมากขึ้น
  • ฝนที่ตกในระยะนี้จะเป็นผลผลดีกับพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต และไม้ผลที่อยู่ในระยะผลิดอกและออกผล รวมทั้งจะช่วยลดการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดเช่น เพลี้ยและไรลงไปได้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ