ระหว่าง 24 กรกฎาคม 2556 - 30 กรกฎาคม 2556
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 24-25 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 26-30 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
- ในช่วงวันที่ 24-25 ก.ค. จะมีฝนตกชุกและฝนตกหนัก เกษตรกรควรจัดระบบการระบายน้ำในแปลงปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังผิวดินบริเวณโคนต้นพืช เพราะจะทำให้เกิดโรครากเน่าและโคนเน่าได้
- ส่วนไม้ผลที่เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จแล้ว ชาวสวนควรตัดแต่งกิ่งให้ทรงพุ่มโปร่ง และทาบริเวณรอยแผลที่ตัดด้วยสารป้องกันเชื้อรา
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 24-25 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 26-30 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
- ในช่วงวันที่ 24-25 ก.ค. จะมีฝนตกชุกและฝนตกหนัก ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะ และควรดูแลโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ให้อับชื้น อย่าให้ฝนสาดเข้าไปได้
- สภาพอากาศที่มีความชื้นสูง ชาวนาควรระวังป้องกันการระบาดของโรคไหม้ในข้าวนาปี
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 24-25 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 26-30 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ส่วนมากทางตะวันตกของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
- ระยะนี้จะมีฝนตกชุก เกษตรกรควรป้องกันกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่และพืชผักไว้ด้วย
- เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชผักในระยะนี้ควรยกร่องแปลงปลูกให้สูง และคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อราก่อนปลูก
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 24-25 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 26-30 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส
- ในช่วงวันที่ 24-25 ก.ค. เกษตรกรในพื้นที่เสี่ยงภัยโดยเฉพาะในจังหวัดจันทบุรีและตราดควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะฝนตกหนักถึงหนักมาก
- บริเวณที่มีฝนตกหนักอาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังได้ โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรรีบระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกอย่าให้น้ำขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศและตายได้
- ในช่วงวันที่ 24-25 ก.ค. บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
- ฝั่งตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง ส่วนมากทางตอนบนของภาค สำหรับในช่วงวันที่ 24-25 ก.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 26-30 ก.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33องศาเซลเซียส
- ฝั่งตะวันตกในช่วงวันที่ 24-25 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนบนของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 26-30 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส
- ในช่วงวันที่ 24-25 ก.ค. ทางฝั่งตะวันตกจะมีฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตร
- บริเวณที่มีฝนตกชุก สภาพอากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนยางพาราควรดูแลสวนให้โล่งเตียน อากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
- ในช่วงวันที่ 24-25 ก.ค. คลื่นลมในทะเลอันดามันมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังความเสียหายจากคลื่นลมแรง ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74