ระหว่าง 16 สิงหาคม 2556 - 22 สิงหาคม 2556
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 16-17 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 18-22 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
- ในช่วงวันที่ 18-22 ส.ค. ทางตอนบนของภาคจะมีฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตร
- สำหรับสภาพอากาศมีความชื้นสูง มักเกิดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคราน้ำค้างในพืชผัก โรคไหม้ในข้าว โรครากเน่าและโคนเน่าในไม้ผล เกษตรกรควรป้องกันกำจัดโรคพืชดังกล่าวด้วย
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรระวังความเสียหายเนื่องจากฝนตกหนัก ซึ่งจะทำให้อุณหภูมิและสภาพน้ำเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว สัตว์น้ำอาจปรับตัวไม่ทัน ทำให้อ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 16-17 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 18-22 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
- ในช่วงวันที่ 18-22 ส.ค. จะมีฝนตกหนักโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
-สำหรับชาวนาบริเวณตอนบนของภาค ควรระวังและป้องกันการระบาดของหอยเชอรี่ โดยใช้ตาข่ายดักบริเวณทางน้ำไหลแล้วจับหอยไปทำลาย
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลสัตว์เลี้ยงไม่ให้อยู่ในที่ชื้นแฉะโดยเฉพาะสัตว์กีบเพราะอาจเป็นโรคปากและเท้าเปื่อยได้
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 16-18 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 19-22 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส
-ในช่วงนี้ สภาพอากาศยังคงมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล ตลอดจนพืชผัก หากพบการระบาดควรรีบกำจัด ก่อนระบาดเป็นบริเวณกว้าง
- สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก อย่าให้อับชื้น และพื้นคอกไม่ชื้นแฉะ เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคตะวันออก
มีฝนฟ้าคะนองกระจายร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
- ระยะนี้จะมีฝนตกชุก ชาวสวนผลไม้และสวนยางพารา ควรดูแลบริเวณสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก และไม่ควรกอง เศษวัสดุที่เหลือใช้ทางการเกษตรในบริเวณสวน เพราะจะเป็นแหล่งสะสมของศัตรูพืช
- สำหรับข้าวนาปีที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต ชาวนาควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคไหม้ซึ่งมักระบาดในช่วงที่มีความชื้นสูง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
- ระยะนี้ บริเวณภาคใต้จะมีฝนไม่มาก ประกอบกับระยะที่ผ่านมามีฝนตกน้อย เกษตรกรควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่พืช รวมทั้งคลุมดินบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อสงวนความชื้นในดิน
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
- ระยะนี้ บริเวณภาคใต้จะมีฝนไม่มาก ประกอบกับระยะที่ผ่านมามีฝนตกน้อย เกษตรกรควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่พืช รวมทั้งคลุมดินบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อสงวนความชื้นในดิน
- ระยะนี้ บริเวณทะเลอันดามันจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74