ระหว่าง 28 สิงหาคม 2556 - 03 กันยายน 2556
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 28-30 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 31 ส.ค.-3 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส
- ในช่วงวันที่ 31 ส.ค.-3 ก.ย. จะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร
- สำหรับพื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วมในระยะที่ผ่านมา ภายหลังน้ำลดลงแล้ว เกษตรกรควรบำรุงรักษาและฟื้นฟูพืชที่ได้รับความเสียหาย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักกับลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 30 ส.ค.-2 ก.ย. ลมแปรปรวน ความเร็ว 10-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส
- ในช่วงวันที่ 30 ส.ค.-2 ก.ย. จะมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรง ส่วนมากทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร
- สำหรับชาวนาควรป้องกันการระบาดของหอยเชอรี่ในนาข้าว โดยใช้ตาข่ายกั้นทางไหลของน้ำที่เข้านา รวมทั้งเก็บตัวหอยหรือไข่ไปทำลาย
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 28-30 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 31 ส.ค.-3 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
- ในช่วงวันที่ 28-30 ส.ค. ปริมาณและการกระจายของฝนลดลง เกษตรกรสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตพืชไร่ที่แก่ดีแล้ว และควรลดความชื้นก่อนนำเข้าโรงเก็บ เพื่อป้องกันเชื้อราทำลาย
- ในช่วงวันที่ 31 ส.ค.-3 ก.ย. จะมีฝนเพิ่มขึ้น ผู้ที่ปลูกพืชไร่และพืชผักควรยกร่องแปลงปลูกให้สูง ป้องกันน้ำท่วมขัง และผลผลิตเสียหาย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงตากฝนหรืออยู่ในที่ชื้นแฉะ เพราะจะทำให้สัตว์อ่อนแอและเป็นโรคได้
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 28-29 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 30 ส.ค.-3 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
- ในช่วงวันที่ 30 ส.ค.-3 ก.ย. จะมีฝนเพิ่มขึ้น เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนักติดต่อกัน โดยเฉพาะพื้นที่การเกษตรซึ่งเป็นที่ลุ่ม สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทัน อาจอ่อนแอและเป็น โรคได้
- สภาพอากาศที่มีความชื้นสูง เกษตรกรควรป้องกันกำจัดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคไหม้ในข้าวนาปีที่กำลังเจริญเติบโต
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
- ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 29-30 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 31 ส.ค.-3 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
- ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 29-30 ส.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 31 ส.ค.-3 ก.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
- ในช่วงวันที่ 29-30 ส.ค. จะมีฝนไม่มาก ประกอบกับระยะที่ผ่านมาในหลายพื้นที่ทางตอนล่างของฝั่งตะวันออกมีฝนตกน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโต สำหรับไม้ผลที่เก็บเกี่ยวผลผลิตเสร็จแล้ว ชาวสวนควรทำการตัดแต่งกิ่ง โดยตัดกิ่งที่เป็นโรคและแมลงทำลายทิ้ง เพื่อเป็นการทำลายแหล่งสะสมของโรคและแมลงศัตรูพืช
- ในช่วงวันที่ 31 ส.ค.-3 ก.ย. จะมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันตก สภาพอากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนยางพาราควรป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
คำพยากรณ์ รวมอยู่ในส่วนของ ภาคใต้(ฝั่งตะวันออก)แล้ว
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74