พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 11 ตุลาคม 2556 - 17 ตุลาคม 2556

ข่าวทั่วไป Monday October 14, 2013 07:02 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 11 ตุลาคม 2556 - 17 ตุลาคม 2556

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 11-13 ต.ค. อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 14-17 ต.ค. มีฝนเล็กน้อยบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากทางตะวันออกของภาค และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ช่วงปลายฤดูฝนต้นหนาว สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เริ่มจะมีอากาศเย็นในตอนเช้า เกษตรกรควรรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง เพื่อไม่ให้เจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
  • เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นฤดูหนาว เกษตรกรควรจัดเตรียมวัสดุสำหรับให้ความอบอุ่นแก่สัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กควรให้ความอบอุ่นอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 11-13 ต.ค. อากาศเย็นทางตอนบนของภาคและมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด12-17องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 14-17 ต.ค. มีฝนเล็กน้อยถึงปานกลางเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ส่วนมากทางตะวันออกของภาคและอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

-ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลอุณหภูมิภายในโรงเรือน อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน ทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วมในระยะที่ผ่านมาหากระดับน้ำลดลงแล้ว เกษตรกรควรรีบฟื้นฟูสภาพสวนและแหล่งน้ำให้ใช้ได้ดีดังเดิม

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 11-14 ต.ค. มีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 15-17 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ส่วนมากทางด้านตะวันออกของภาค และทางตอนบนของภาคและอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียสลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ระยะต่อไปจะเป็นฤดูหนาว เกษตรกรควรจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับกันหนาว เอาไว้ให้พร้อม
  • สำหรับข้าวนาปีที่อยู่ในระยะแตกกอและออกรวง ชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของหนอนกอข้าว และหนอนห่อใบข้าว หากพบการระบาดควรรีบกำจัด
  • สำหรับพื้นที่ซึ่งถูกน้ำท่วม เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคที่มากับน้ำ โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร โรคตาแดง และน้ำกัดเท้า เป็นต้น

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 11-14 ต.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 15-17 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียสลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

-สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม หากมีน้ำท่วมขัง เกษตรกรควรรีบระบายน้ำออกอย่าให้น้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศและต้นตายได้

  • ส่วนชาวสวนยางพาราควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นสะสมในสวนป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรคใบยางร่วงลูกยางเน่า และโรคหน้ากรีดยาง เป็นต้น

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

  • สำหรับฝนที่ตกในช่วงนี้จะเป็นผลดีกับพืชที่กำลังเจริญเติบโตรวมทั้งช่วยลดการระบาดของเพลี้ยชนิดต่าง ๆ
  • ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะผลแก่และเก็บเกี่ยว เกษตรกรควรเก็บผลที่เน่าและร่วงหล่นไปทำลาย ไม่ควรปล่อยไว้ในสวน เพราะจะเป็นแหล่งสะสมของศัตรูพืช และโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
  • เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนทางภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะมีมากขึ้น เกษตรกรควรขุดลอกคูคลอง และทางระบายน้ำอย่าให้ตื้นเขิน เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในบริเวณแปลงเพาะปลูก

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

  • สำหรับฝนที่ตกในช่วงนี้จะเป็นผลดีกับพืชที่กำลังเจริญเติบโตรวมทั้งช่วยลดการระบาดของเพลี้ยชนิดต่าง ๆ
  • ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะผลแก่และเก็บเกี่ยว เกษตรกรควรเก็บผลที่เน่าและร่วงหล่นไปทำลาย ไม่ควรปล่อยไว้ในสวน เพราะจะเป็นแหล่งสะสมของศัตรูพืช และโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ