พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 28 ตุลาคม 2556 - 03 พฤศจิกายน 2556

ข่าวทั่วไป Tuesday October 29, 2013 07:47 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 28 ตุลาคม 2556 - 03 พฤศจิกายน 2556

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 28-30 ต.ค. อากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตะวันตก อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 31 ต.ค. -3 พ.ย. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 7-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ในช่วงวันที่ 28 - 29 ต.ค. ทางด้านตะวันตกของภาคจะมีฝนฟ้าคะนอง เกษตรกรควรระวังความเสียหายที่จะเกิดกับผลผลิตทางการเกษตร และรีบเก็บเกี่ยวผลผลิตที่แก่ดีแล้ว
  • สำหรับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงในระยะนี้ เกษตรกรควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพราะสัตว์เลี้ยงอาจปรับตัวไม่ทันทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

-ระยะนี้สภาพอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก

  • เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง เกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานควรวางแผนการใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 28-30 ต.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 31 ต.ค. -3 พ.ย. อากาศเย็นและอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส โดยมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • ระยะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว เกษตรกรควรจัดเตรียมอุปกรณ์สำหรับให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย รวมทั้งปรับปรุงคอกสัตว์ให้ป้องกันอากาศที่จะหนาวเย็นลงในระยะต่อไป
  • ระยะนี้แม้จะมีฝน แต่ปริมาณฝนที่ตกจะไม่เพียงพอกับ ข้าวนาปีที่กำลังออกรวง ชาวนาควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่ข้าวอย่างเพียงพอ รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน เช่น หนอนกอ และหนอนกระทู้
  • เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง เกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานควรวางแผนการใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อให้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 28-30 ต.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 31 ต.ค. -3 พ.ย. อากาศเย็นและอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย รวมทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับกันหนาว ไว้ให้พร้อมใช้งาน
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนไม่ให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ฝนที่ตกในระยะนี้มีปริมาณไม่มาก เกษตรกรควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่พืชที่อยู่ในระยะกำลังเจริญเติบโต รวมทั้งกำจัดวัชพืชเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากพืช ซึ่งทำให้ผลผลิตลดลง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 28-30 ต.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 31 ต.ค.-3 พ.ย. อากาศเย็นและอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

-สำหรับพื้นที่การเกษตรที่ถูกน้ำท่วมในระยะที่ผ่านมาหากระดับน้ำลดลงแล้ว เกษตรกรควรรีบระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกอย่าให้น้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนานเพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศต้นตายได้

  • ส่วนบริเวณที่มีความชื้นในดินสูง ชาวสวนผลไม้ควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก รวมทั้งหลีกเลี่ยงการกองสุม วัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรภายในสวน เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของโรคและศัตรูพืช

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 29 ต.ค.- 3 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส

-ระยะนี้ภาคใต้จะมีฝนตกชุก พื้นที่ซึ่งมีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว

  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรเพื่อป้องกันน้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนาน ทำให้รากขาดอากาศและต้นตายได้
  • ส่วนชาวสวนยางพารา และไม้ผล ควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 28 ต.ค. และ 31 ต.ค.-2 พ.ย. มีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส

-ระยะนี้ภาคใต้จะมีฝนตกชุก พื้นที่ซึ่งมีฝนตกหนักติดต่อกัน เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว

  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่การเกษตรเพื่อป้องกันน้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนาน ทำให้รากขาดอากาศและต้นตายได้
  • ส่วนชาวสวนยางพารา และไม้ผล ควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราออก

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ