ระหว่าง 18 พฤศจิกายน 2556 - 24 พฤศจิกายน 2556
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 18-20 พ.ย. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-3 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 21-24 พ.ย. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- ในช่วงวันที่ 18-20 พ.ย. จะมีฝนฟ้าคะนองโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตไว้กลางแจ้งเพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้
- สำหรับสภาพอากาศที่เย็นลงในระยะนี้ เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยรวมทั้งควบคลุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 18-19 พ.ย. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศาอุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-15 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 20-24 พ.ย. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณ ยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
-เนื่องจากอุณหภูมิที่แตกต่างกันมาก เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- ระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน
-ส่วนพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะมีน้อย
ภาคกลาง
อากาศเย็นทางตอนบนของภาคกับมีหมอกบางในตอนเช้า ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียสส่วนทางตอนล่างของภาค มีเมฆบางส่วนกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- ในระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพตนเองและสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย รวมทั้งจัดเตรียมวัสดุอุปกรณ์สำหรับกันหนาว ไว้ให้พร้อมใช้งาน
- ระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด โดยให้น้ำแก่พืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้ง หรือให้น้ำในช่วง เวลาเย็น เพื่อลดการระเหยของน้ำ
ภาคตะวันออก
ตอนบนของภาคอากาศเย็นมีหมอกบางในตอนเช้า ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียสส่วนทางตอนล่างของภาค มีเมฆบางส่วน กับมีหมอกบางในตอนเช้าอุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งประมาณ 2 เมตร
- สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่มซึ่งดินยังคงมีความชื้น เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรครากเน่าและโคนเน่า หากพบควรรีบรักษาก่อนจะระบาดใปยังต้นอื่นๆ
- สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรเลือกปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย อายุการเก็บเกี่ยวสั้น และวางแผนการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ฝั่งตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 20-23 พ.ย. ส่วนมากทางตอนล่างของภาคตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส
-ในระยะนี้มีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะทางตอนล่างของภาค เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าวงกล่าว โดยขุดลอกคูคลองและทางระบายน้ำต่างๆอย่าให้ตื้นเขิน เพื่อให้น้ำไหลได้สะดวก ป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูก
-ส่วนไม้ผลที่เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว เกษตรกรควรตัดแต่งกิ่งให้ทรงพุ่มโปร่งแสงแดดส่องได้ถึงโคนต้นป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งมักระบาดในช่วงที่มีฝนตกชุก
- ในช่วงวันที่ 19-24 พ.ย. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังความเสียหายที่จะเกิดขึ้น หากสัตว์น้ำโตได้ขนาดควรทะยอยจับขายไปก่อน เพื่อลดความเสี่ยงต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 18-19 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 20-24 พ.ย. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง มากกว่า 2 เมตร
-ในระยะนี้มีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งโดยเฉพาะทางตอนล่างของภาค เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าวงกล่าว โดยขุดลอกคูคลองและทางระบายน้ำต่างๆอย่าให้ตื้นเขิน เพื่อให้น้ำไหลได้สะดวก ป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่เพาะปลูก
-ส่วนไม้ผลที่เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว เกษตรกรควรตัดแต่งกิ่งให้ทรงพุ่มโปร่งแสงแดดส่องได้ถึงโคนต้นป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งมักระบาดในช่วงที่มีฝนตกชุก
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74