ระหว่าง 27 พฤศจิกายน 2556 - 03 ธันวาคม 2556
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 27-28 พ.ย. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 29 พ.ย.-3 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกบางในตอนเช้า กับมีลมแรงอุณหภูมิต่ำสุด 15-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- สภาพอากาศที่หนาวเย็นลงอย่างต่อเนื่องในระยะนี้ เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย รวมทั้งควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- ช่วงที่อากาศมีอุณหภูมิลดลง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำ ควรเฝ้าระวังอย่าให้อุณหภูมิน้ำมีการเปลี่ยนแปลงมาก โดยเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อเพิ่มออกซิเจนและป้องกันไม่ให้อุณหภูมิของน้ำเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ซึ่งจะทำให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- ระยะนี้บางพื้นที่จะมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคราน้ำค้างในพืชผัก
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 28 พ.ย.-3 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
- ในระยะต่อไปอุณหภูมิจะลดลง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเตรียมอุปกรณ์กันหนาวเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับสัตว์เลี้ยงรวมถึงทำแผงกำบังลมหนาว และเพิ่มความอบอุ่นในโรงเรือน
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำ ควรลดปริมาณอาหาร เนื่องจากอุณหภูมิที่ลดลง อาจทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อยลง อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย
- ส่วนชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยในพื้นที่เพาะปลูก โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก และไม่ควรจุดไฟในสวนยาง หากมีความจำเป็นต้องจุดไฟควรดับให้สนิททุกครั้งหลังจากใช้งานเสร็จแล้ว
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 28 พ.ย.-3 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ควรดูแลอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพราะสัตว์เลี้ยงอาจปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- ระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรควรคลุมบริเวณ แปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหย ของน้ำบริเวณผิวดิน และควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด โดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้ง หรือให้น้ำในเวลาเย็น เพื่อลดการระเหย ของน้ำ
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 28 พ.ย.-3 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-20 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 28 พ.ย.-1 ธ.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร
- ในระยะนี้ปริมาณฝนมีน้อยโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค ทำให้สภาพอากาศแห้ง เกษตรกรควระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดไว้ด้วย -ในระยะต่อไปปริมาณฝนลดลง เกษตรกรควรวางแผนการจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง
- สำหรับผู้ที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรเลือกปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย อายุการเก็บเกี่ยวสั้น และวางแผนการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ฝั่งตะวันออก ในช่วงวันที่ 28 พ.ย.-3 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ตลอดช่วง โดยเฉพาะบริเวณอ่าวไทยตอนล่าง
-ระยะที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ประกอบกับในสัปดาห์นี้ยังคงมีฝนตกชุก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งอพยพสัตว์เลี้ยงและอาหารสัตว์ไปไว้ในที่สูงน้ำท่วมไม่ถึง
-สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกอย่าให้น้ำท่วมบริเวณโคนต้นพืชนาน เกิน7วัน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศและต้นตายได้
- ส่วนชาวสวนยางพารา และไม้ผลควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวกป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
-ในช่วงวันที่ 28 พ.ย.-3 ธ.ค. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงโดยมีคลื่นสูง 2-3เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย
- สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำตามบริเวณชายฝั่งทางตอนล่างของภาคควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพราะสัตว์น้ำอาจปรับตัวไม่ทันทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย และหากโตได้ขนาดควรทะยอยจับขาย เพื่อลดความเสี่ยงต่อความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ฝั่งตะวันตก ในช่วงวันที่ 27-28 พ.ย. ฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 29 พ.ย.-3 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียสในช่วงวันที่ 29 พ.ย.-1 ธ.ค. ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ในช่วงวันที่ 2-3 ธ.ค. ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
-ระยะที่ผ่านมามีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ ประกอบกับในสัปดาห์นี้ยังคงมีฝนตกชุก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตร รวมทั้งอพยพสัตว์เลี้ยงและอาหารสัตว์ไปไว้ในที่สูงน้ำท่วมไม่ถึง
-สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกอย่าให้น้ำท่วมบริเวณโคนต้นพืชนาน เกิน7วัน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศและต้นตายได้
- ส่วนชาวสวนยางพารา และไม้ผลควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวกป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74