ระหว่าง 13 ธันวาคม 2556 - 19 ธันวาคม 2556
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 13-15 ธ.ค. อากาศหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 40-70 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตก อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 16-17 ธ.ค. อากาศหนาวต่อจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 8-10 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-29 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 1-3 องศาเซลเซียส และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน ส่วนในระยะปลายช่วงอุณหภูมิจะลดลงเกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนโดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- หลังจากวันที่17 ธ.ค. ณหภูมิจะลดลง 8-10 องศาเซลเซียส ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น และ ควรลดปริมาณอาหารลงเนื่องจากอุณหภูมิที่ต่ำจะทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย
- เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุสีเข้ม เพื่อรักษาความชื้นภายในดินและอุณหภูมิดิน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 13-14 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียสอุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-17 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 15-19 ธ.ค. อากาศหนาว โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ในระยะแรก ต่อจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 8-10 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-29 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-6 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- เกษตรกรควรทำแผงกำบังลมหนาวให้แก่สัตว์เลี้ยง และเพิ่มอุณหภูมิภายในโรงเรือนให้แก่สัตว์ที่ยังเล็กเพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงหนาวเย็น จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- ในช่วงวันที่ 15-19 ธ.ค. จะมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชก เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง เพราะอาจได้รับความเสียหายได้
- หลังจากวันที่19 ธ.ค. ณหภูมิจะลดลง 8-10 องศาเซลเซียส ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
- ระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อรักษาความชื้นภายในดิน
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 13-14 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-20 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 15-19 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัดโดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้ง และควรให้น้ำพืชในช่วงเวลาเย็น เพื่อลดการระเหยของน้ำ
- สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือน อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- หลังจากวันที่19 ธ.ค. ณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
- สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อยแทนการปลูกข้าวนาปรัง เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะมีน้อย
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 13-14 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 18-20 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 15-19 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกบางในตอนเช้า มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางพื้นที่ในระยะแรก จากนั้นอุณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 13-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
- เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำทางด้านการเกษตรที่เก็บกักใว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะมีน้อย
- ในช่วงวันที่ 15-19 ธ.ค. จะมีฝนฟ้าคะนอง กับมีลมกระโชก ชาวสวนผลไม้ควรผูกยึดและค้ำยันกิ่งและลำต้นของไม้ผลให้มั่นคงและแข็งแรง เพื่อป้องกันกิ่งฉีกหักและต้นโค่นล้มเมื่อมีลมแรง
- หลังจากวันที่19 ธ.ค. ณหภูมิจะลดลง 4-6 องศาเซลเซียส ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น
- ในช่วงวันที่17-19 ธ.ค. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนบนจะมีกำลังค่อนข้างแรง ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 13-14 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 15-19 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร
- ระยะนี้ภาคใต้ทางตอนบนจะมีอากาศเย็น เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนเปลงรวดเร็ว เพราะสัตว์น้ำอาจปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- สำหรับในช่วงวันที่ 15-19 ธ.ค. มีฝนตกหนัก เกษตรกรเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
- ส่วนพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกอย่าให้น้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนานเพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศและต้นตายได้
- ในช่วงวันที่17-19 ธ.ค. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร และบริเวณฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 13-14 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 15-19 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
- ระยะนี้ภาคใต้ทางตอนบนจะมีอากาศเย็น เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนเปลงรวดเร็ว เพราะสัตว์น้ำอาจปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- สำหรับในช่วงวันที่ 15-19 ธ.ค. มีฝนตกหนัก เกษตรกรเกษตรกรที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
- ส่วนพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกอย่าให้น้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนานเพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศและต้นตายได้
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74