ระหว่าง 20 ธันวาคม 2556 - 26 ธันวาคม 2556
ภาคเหนือ
อากาศหนาว ตลอดช่วง กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 8-15 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 22-26 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 2-4 องศาเซลเซียส และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
-ระยะนี้อากาศหนาวเย็น เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ รวมทั้งระวังและป้องกันโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ
-สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มดวงไฟภายโรงเรือน เพื่อให้ความอบอุ่นแก่สัตว์เลี้ยง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่กลางแจ้งในตอนกลางคืน เพราะอาจทำให้สัตว์ที่ไม่แข็งแรงเสียชีวิตได้ เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวจัด
-ในช่วงที่อากาศหนาวเย็น เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุสีเข้ม เพื่อสงวนความชื้นภายในดินและรักษาอุณหภูมิดิน
-สำหรับบริเวณเทือกเขาและยอดดอยอาจมีน้ำค้างแข็งได้บางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับพืชผลทางการเกษตร
- ในช่วงวันที่ 23-25 ธ.ค.จะมีหมอกในตอนเช้า เกษตรกรควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง ขณะผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 20-22 ธ.ค. อากาศหนาว ส่วนในช่วงวันที่ 23-25 ธ.ค. อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยและมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-28 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 2-5 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
-ระยะนี้อากาศหนาวเย็นโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- เนื่องจากอากาศที่แห้งและบางช่วงจะมีลมแรง ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก และหลีกเลี่ยงการจุดไฟในพื้นที่เพาะปลูกหากมีความจำเป็นควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน
-ในช่วงวันที่ 23-25 ธ.ค.จะมีหมอกในตอนเช้า ผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการตากไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหาย เนื่องจากหมอกและน้ำค้างได้
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 20-21 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกบางในตอนเช้า ส่วนในช่วงวันที่ 22-25 ธ.ค. อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยและมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 14-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-29 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
-สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำ ในระยะนี้ควรลดอาหาร เนื่องจากอุณหภูมิที่ต่ำทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
-ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน รวมทั้งเพิ่มอุณหภูมิภายในโรงเรือนโดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กอาจอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
-สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักใว้อย่างประหยัด โดยให้น้ำแก่พืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้ง และควรให้น้ำพืชในเวลาเย็น เพื่อลดการระเหยของน้ำ
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 20-21 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกบางในตอนเช้า ส่วนในช่วงวันที่ 22-25 ธ.ค. อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยและมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 13-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
-เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นช่วงแล้ง เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักใว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางการเกษตรในช่วงแล้ง
- ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก
-ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วป้องกันสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 21-25 ธ.ค. อ่าวไทยตอนตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ทะเลมีคลื่นสูง 2 -3 เมตร ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม.
-ระยะนี้ภาคใต้ทางตอนบนจะมีอากาศเย็น เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
-ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนเปลงรวดเร็ว เพราะสัตว์น้ำอาจปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- สำหรับพื้นที่ซึ่งมีฝนตกโดยเฉพาะทางตอนล่างของภาค เกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตร เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง
-ในช่วงวันที่ 20-25 ธ.ค.บริเวณอ่าวไทยตอนล่างจะมีคลื่น ลมแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 21-25 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนอง บางแห่ง ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
-ระยะนี้ภาคใต้ทางตอนบนจะมีอากาศเย็น เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
-ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนเปลงรวดเร็ว เพราะสัตว์น้ำอาจปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- สำหรับพื้นที่ซึ่งมีฝนตกโดยเฉพาะทางตอนล่างของภาค เกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตร เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74