พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง ระหว่าง 25 ธันวาคม 2556 - 31 ธันวาคม 2556

ข่าวทั่วไป Thursday December 26, 2013 06:33 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 25 ธันวาคม 2556 - 31 ธันวาคม 2556

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 25-29 ธ.ค. อากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 6-14 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-28 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 2-4 องศาเซลเซียส และมีน้ำค้างแข็งในบางพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 30-31 ธ.ค. อากาศหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 9-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-7 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

  • สภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ตนเอง และสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังจากจุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่น ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน
  • สำหรับช่วงนี้มีหมอกและน้ำค้างเกิดขึ้นได้ในตอนเช้า เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของราน้ำค้างในพืชผัก พริกและมะเขือเทศ นอกจากนี้ เกษตรกรควรระวังอันตรายในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาไว้ด้วย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 25-29 ธ.ค. อากาศหนาวถึงหนาวจัดกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 7-14 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-28 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-5 องศาเซลเซียส และมีน้ำค้างแข็งในบางพื้นที่ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 30-31 ธ.ค.อากาศหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 9-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-28 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-9 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • สภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ตนเอง และสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังจากจุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่น รวมทั้งทำแผงกำบังลมหนาวให้แก่สัตว์เลี้ยง
  • ระยะนี้อากาศแห้งน้ำระเหยได้มาก เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อรักษาความชื้นในดิน
  • สภาพอากาศที่แห้งและลมแรง เกษตรกรควรทำแนวกันไฟรอบสวนยางพาราและระมัดระวังการเกิดอัคคีภัยบริเวณที่อยู่อาศัย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 25-29 ธ.ค. ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส และมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 30-31 ธ.ค.อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • สภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ตนเอง และสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย รวมทั้งควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

-สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำ ควรลดอาหาร เนื่องจากอุณหภูมิที่ต่ำทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

  • ในระยะนี้ ปริมาณน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อรักษาความชื้นภายในดิน รวมทั้งระวังป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชเสียหาย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 25-29 ธ.ค. ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส และมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 30-31 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • สภาพอากาศที่หนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ตนเอง และสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย รวมทั้งควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • เนื่องจากอากาศที่แห้งชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก
  • ส่วนไม้ผล เช่น มะม่วง ที่อยู่ในระยะออกดอกและติดผลอ่อน ชาวสวนควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ดอกร่วงหล่นและการติดผลลดลง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 25-26 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 17-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 27-31 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งตั้งแต่จังหวัดพัทลุงลงไป อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส อ่าวไทยตอนบน ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสงขลาลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

  • ระยะนี้ทางตอนบนของภาค อากาศแห้งน้ำระเหยได้มาก เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อรักษาความชื้นในดิน รวมทั้งควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่พืชที่ปลูกให้เพียงพอกับความต้องการของพืช เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลงได้

-สำหรับภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกแต่ปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่พืชที่ปลูก รวมทั้งระวังป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชเสียหาย

  • ช่วงนี้บริเวณอ่าวไทยตอนล่างจะมีคลื่นลมแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสงขลาลงไปควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 25-26 ธ.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า และมีเมฆบางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียอุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 27-31 ธ.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • ระยะนี้ทางตอนบนของภาค อากาศแห้งน้ำระเหยได้มาก เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อรักษาความชื้นในดิน รวมทั้งควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่พืชที่ปลูกให้เพียงพอกับความต้องการของพืช เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นชะงักการเจริญเติบโต ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลงได้

-สำหรับภาคใต้ตอนล่างยังคงมีฝนตกแต่ปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรควรจัดหาน้ำเพิ่มเติมให้แก่พืชที่ปลูก รวมทั้งระวังป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชเสียหาย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ