ระหว่าง 06 มกราคม 2557 - 12 มกราคม 2557
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 6-8 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 13-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 9-12 ม.ค. อากาศหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ โดยอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 11-14 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-29 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- เนื่องจากอุณหภูมิที่แตกต่างกันมากระหว่างกลางวันและกลางคืน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- สภาพอากาศชื้นในตอนเช้า เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคราน้ำค้างในพืชผัก ไม้ดอก และไม้ผล
- ในช่วงนี้จะมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ เกษตรกรควรขับขี่ยานพาหนะด้วยความระวัดระวัง ขณะผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา
- ในช่วงวันที่ 9-12 ม.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ เกษตรกรไม่ควรตากผลผลิตทางการเกษตร ทิ้งไว้กลางแจ้ง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 6-7 ม.ค. อากาศหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า โดยอุณหภูมิสูงขึ้นเล็กน้อยอุณหภูมิต่ำสุด 12-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 8-12 ม.ค. อากาศหนาวกับมีลมแรง และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ โดยอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 11-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
-ระยะนี้สภาพอากาศหนาวเย็น โดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเอง และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- สำหรับเกษตรกรที่จุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเอง และสัตว์เลี้ยงในระยะนี้ หากใช้งานเสร็จแล้วควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย
- ระยะนี้มีหมอกและน้ำค้างในตอนเช้าเกษตรกรไม่ควรตากผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว ทิ้งไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้
- ระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว ใบไม้ หรือหญ้าแห้ง เพื่อรักษาความชื้นในดิน
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 6-8 ม.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย โดยมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียง เหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 9-12 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส
- พื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน และมีแหล่งเก็บน้ำเป็นของตนเอง เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด โดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยๆครั้งและให้น้ำพืชในช่วงเย็น เพื่อลดการระเหยของน้ำ
- สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- เนื่องจากระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรควรคลุมดินด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่นฟางข้าว ใบไม้ หรือหญ้าแห้ง เพื่อรักษาความชื้นภายในดิน
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 6-8 ม.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย โดยมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียง เหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 9-12 ม.ค. อากาศเย็นกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
- ในระยะต่อไปเป็นช่วงแล้ง เกษตรกรควรวางแผนจัดการการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรตลอดในช่วงแล้ง
-สำหรับสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่นเพลี้ยและไรต่างๆในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก หากพบศัตรูพืชดังกล่าวควรรีบกำจัดเพื่อป้องกันการระบาดเป็นบริเวณกว้าง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 6-8 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 9-12 ม.ค. ฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
- ทางตอนบนของภาคจะมีอากาศเย็น เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- ส่วนบริเวณซึ่งสภาพอากาศแห้งโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่และพืชสวน
- ในช่วงวันที่ 9 -12 ม.ค. ทางตอนล่างของภาคจะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจายและมีฝนตกหนักบางแห่งเกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตร เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง
- ส่วนชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งมักระบาดในช่วงที่สภาพอากาศมีความชื้นสูง
- ในช่วงวันที่ 9 –12 ม.ค.คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีกำลังแรงขึ้นโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 6 -8 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 9-12 ม.ค. ฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
- ทางตอนบนของภาคจะมีอากาศเย็น เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- ส่วนบริเวณซึ่งสภาพอากาศแห้งโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่และพืชสวน
- ในช่วงวันที่ 9 -12 ม.ค. ทางตอนล่างของภาคจะมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจายและมีฝนตกหนักบางแห่งเกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตร เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง
- ส่วนชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งมักระบาดในช่วงที่สภาพอากาศมีความชื้นสูง
- ในช่วงวันที่ 9 –12 ม.ค.คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไปมีกำลังแรงขึ้นโดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74