พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 10 มกราคม 2557 - 16 มกราคม 2557

ข่าวทั่วไป Monday January 13, 2014 08:22 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 10 มกราคม 2557 - 16 มกราคม 2557

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 10-11 ม.ค. อากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียส โดยมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ กับมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณตอนบนของภาค อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-7 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 12-16 ม.ค. อากาศหนาวถึงหนาวจัด และอุณหภูมิจะลดลง 5-7 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 7-12 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 2-5 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกหากเห็นดอกชัดเจนแล้ว เกษตรกรจึงค่อยให้น้ำโดยให้น้ำครั้งละน้อยๆแล้วค่อยเพิ่มปริมาณขึ้น เพราะหากขาดน้ำในระยะออกดอกจะทำให้การติดผลลดลง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการฉีดสารเคมีฆ่าแมลงขณะดอกบาน เพื่อหลีกเลี่ยงการทำลายแมลงที่ช่วยผสมเกสร
  • เกษตรกรควรไม่ควรเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เนื่องจากควันไฟจะแผ่ปกคลุมบริเวณใกล้เคียง ทำให้ทัศนวิสัยลดลง และเกิดเป็นมลพิษ
  • สำหรับในช่วงนี้อาจมีหมอกหนาได้ในบางพื้นที่ เกษตรกรควรดูแลตรวจสอบสัญญานไฟจราจรของรถให้ใช้ได้สมบูรณ์เมื่อต้องขับขี่ใน ถนนหลวง เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ ที่อาจเกิดขึ้น
  • ส่วนบริเวณยอดดอยจะมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 10-12 ม.ค. อากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส และมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 9-13 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 13-16 ม.ค. อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิจะลดลงได้อีก 5-7 องศาเซลเซียส และมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 8-15 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-29 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-11 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.

  • สำหรับสภาพอากาศที่หนาว เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ในช่วงที่อุณหภูมิลดต่ำลง เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่กลางแจ้งในตอนกลางคืน เพราะอาจทำให้สัตว์ที่อ่อนแอเสียชีวิตได้
  • ระยะนี้ปริมาณการระเหยของน้ำมีมาก เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เพื่อรักษาความชื้นภายในดิน
  • เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร โดยเฉพาะบริเวณที่อยู่ใกล้ถนนหลวง เพราะควันไฟจะบดบังทัศนวิสัยในการมองเห็นอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ได้ง่าย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 10-12 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-19 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 13-16 ม.ค. อากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 14-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส และมีลมแรง สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • พื้นที่การเกษตรที่อยู่นอกเขตชลประทาน เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองให้แก่พืชในระยะเจริญเติบโต เพราะถ้าพืชได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต หากขาดน้ำจะทำให้ไม่ได้รับผลผลิต
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงควรระวังและป้องกันความเสียหายจาก สภาพอุณหภูมิน้ำลดลง โดยให้อาหารน้อยลง เนื่องจากอุณหภูมิต่ำจะทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อยอาหารที่เหลือจะทำให้ น้ำเน่าเสีย หากโตได้ขนาดควรทะยอยจับขายไปก่อน
  • ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนอย่าให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 10-12 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-19 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 13-16 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาว และมีลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 12-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณเทือกเขาอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

  • สำหรับมะม่วงที่อยู่ในระยะออกดอก เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคราดำ หากพบโรคดังกล่าวควรฉีดด้วยน้ำจะทำให้การระบาดลดลง
  • เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นช่วงแล้ง ปริมาณและการกระจายของฝนจะมีน้อย เกษตรกรควรวางแผนการจัดการน้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง
  • เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรคลุมบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อป้องกันน้ำระเหยจากผิวหน้าดิน รักษาความชื้นภายในดิน
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงควรระวังและป้องกันความเสียหายจากอุณหภูมิของน้ำที่จะลดลง หากโตได้ขนาดควรทะยอยจับขายไปก่อน

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 10-13 ม.ค. ทางตอนบนของภาคอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนล่างของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 14-16 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 18-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร

  • ระยะนี้ทางตอนบนของภาคอากาศเย็น เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับพื้นที่ซึ่งสภาพอากาศแห้ง โดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดซึ่งจะดูดกินน้ำ เลี้ยงทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต
  • สำหรับทางตอนล่างของภาคซึ่งมีฝนตก เกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตร และวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง
  • ระยะนี้ทางตอนล่างของภาคแม้ปริมาณฝนจะลดลง แต่ความชื้นภายในดินยังคงมีอยู่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรครากเน่าโคนเน่าในไม้ผล และโรคราสีชมพูในยางพารา เป็นต้น
  • ในระยะนี้บริเวณอ่าวไทยตอนล่างจะมีคลื่นลมแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 10-13 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 14-16 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

  • ระยะนี้ทางตอนบนของภาคอากาศเย็น เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับพื้นที่ซึ่งสภาพอากาศแห้ง โดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดซึ่งจะดูดกินน้ำ เลี้ยงทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต
  • สำหรับทางตอนล่างของภาคซึ่งมีฝนตก เกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตร และวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง
  • ระยะนี้ทางตอนล่างของภาคแม้ปริมาณฝนจะลดลง แต่ความชื้นภายในดินยังคงมีอยู่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรครากเน่าโคนเน่าในไม้ผล และโรคราสีชมพูในยางพารา เป็นต้น

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ