พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 05 มีนาคม 2557 - 11 มีนาคม 2557

ข่าวทั่วไป Thursday March 6, 2014 06:59 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 05 มีนาคม 2557 - 11 มีนาคม 2557

ภาคเหนือ

อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

  • ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว กลางวันอากาศร้อนส่วนกลางคืนอากาศเย็น เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับสภาพอากาศร้อนและแห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย และไฟป่า โดยทำแนวกันไฟรอบอาคารบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร นอกจากนี้เกษตรกรไม่ควรเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เนื่องจากควันไฟจะลอยตัวขึ้นระดับบนได้น้อย แต่จะแผ่ปกคลุมบริเวณใกล้เคียง ทำให้ทัศนวิสัยลดลง และเกิดเป็นมลพิษ
  • ส่วนผู้ที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองให้แก่พืชในระยะเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ท้องฟ้าโปร่งเป็นส่วนมาก และมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 10-11 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ส่วนมากทางด้านตะวันออกของภาค และอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • เนื่องจากปริมาณฝนที่มีน้อย ประกอบกับน้ำระเหยมีปริมาณมาก ทำให้ความชื้นในดินลดลง เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
  • ในช่วงวันที่ 10-11 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางด้านตะวันออกของภาค เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับอาคารบ้านเรือนและพืชผลทางการเกษตร และหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง เพราะอาจทำให้เปียกชื้นเสียหายได้

ภาคกลาง

ท้องฟ้าโปร่งเป็นส่วนมาก โดยมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-40 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

  • เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้งในระยะนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกัน การระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชทรุดโทรม ผลผลิตเสียหายได้
  • สำหรับสภาพอากาศร้อนในตอนกลางวัน เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก และจัดหาน้ำกินให้กับสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียด อ่อนแอ และเจ็บป่วย นอกจากนี้ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จะเกิดในฤดูร้อนให้กับสัตว์ด้วย

ภาคตะวันออก

ตอนบนของภาคมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ เกือบตลอดช่วง ส่วนมากตามบริเวณชายฝั่ง อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

  • สำหรับฝนที่ตกในระยะนี้มีปริมาณน้อย ซึ่งไม่พอเพียงกับความต้องการของพืช ไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล เกษตรกรควรให้น้ำอย่างเพียงพอ เพราะหากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโตหากขาดน้ำจะทำให้ผลร่วงหล่น ผลผลิตลดลง รวมทั้งคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
  • ส่วนเกษตรกรที่เก็บกักน้ำเอาไว้ควรใช้อย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

อากาศร้อนขึ้นกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส เว้นแต่ในช่วงวันที่ 8-9 มี.ค. มีเมฆบางส่วน ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

  • สำหรับฝนที่ตกในระยะนี้มีปริมาณน้อย ซึ่งไม่พอเพียงกับความต้องการของพืชที่กำลังเจริญเติบโต เกษตรกรควรดูแลและให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชเหี่ยวเฉา แคระแกรน รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชทรุดโทรม และผลผลิตด้อยคุณภาพ
  • สำหรับชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิด อัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก รวมทั้งหลีกเลี่ยงการจุดไฟหากมีความจำเป็นควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีเมฆบางส่วน และมีอากาศร้อนขึ้นกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

  • สำหรับฝนที่ตกในระยะนี้มีปริมาณน้อย ซึ่งไม่พอเพียงกับความต้องการของพืชที่กำลังเจริญเติบโต เกษตรกรควรดูแลและให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชเหี่ยวเฉา แคระแกรน รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชทรุดโทรม และผลผลิตด้อยคุณภาพ
  • สำหรับชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิด อัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก รวมทั้งหลีกเลี่ยงการจุดไฟหากมีความจำเป็นควรดับให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ