พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 10 มีนาคม 2557 - 16 มีนาคม 2557

ข่าวทั่วไป Tuesday March 11, 2014 07:38 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 10 มีนาคม 2557 - 16 มีนาคม 2557

ภาคเหนือ

อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีอากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 10-11 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 16-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

  • สำหรับสภาพอากาศที่ร้อนและแห้ง เอื้อต่อการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของเพลี้ยและไรชนิดต่างๆในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชทรุดโทรม ผลผลิตลดลง
  • ส่วนไม้ผลที่อยู่ในระยะจริญเติบโตทางผล เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตด้อยคุณภาพ
  • ผู้ที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองให้แก่พืชในระยะเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 10-12 และ 14-15 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย เนื่องจากร่างกายปรับตัวไม่ทัน รวมทั้งดูแลอุณหภูมิในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • สำหรับในช่วงวันที่ 10-15 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชก แรงเกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยซ่อมแซมอาคารบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ และผูกยึดหรือค้ำยันกิ่งและลำต้นของพืชที่รับน้ำหนักมากให้แข็งแรง รวมทั้งหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้ง

ภาคกลาง

มีเมฆบางส่วน อากาศร้อนกับฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 10-11 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ โดยในช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

  • เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งในระยะนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกัน การระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชทรุดโทรม ผลผลิตเสียหายได้

-ระยะนี้ปริมาณน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชเหี่ยวเฉา และต้นพืชตายได้

  • เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 10-15 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

  • เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งในระยะนี้ เกษตรกรที่ปลูกไม้ผลควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นทรุดโทรม
  • สำหรับในช่วงวันที่ 10-15 มี.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชก แรงเกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่เกิดขึ้น โดยตรวจสอบไม้ยันกิ่ง และผูกยึดลำต้นของพืชที่รับน้ำหนักมากให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการหักโค่น และกิ่งฉีกขาด
  • เกษตรกรควรวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตร ในช่วงแล้ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 10-13 มี.ค. มีเมฆบางส่วน มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

  • ระยะนี้แม้จะมีฝนตกแต่ปริมาณไม่มาก ไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรจึงควรให้น้ำแก่พืชที่ปลูกอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชเหี่ยวเฉา ถ้าขาดน้ำเป็นเวลานานจะทำให้พืชเหี่ยวเฉาถาวร และต้นตายได้
  • สำหรับสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรชนิดต่างๆในไม้ผล ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืช ทำให้ต้นทรุดโทรม ส่งผลต่อการผลิดอกออกผลของพืช
  • เนื่องจากระยะนี้และระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อย เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงที่มีฝนตกน้อย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีเมฆบางส่วน และมีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 14-16 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร

  • ระยะนี้แม้จะมีฝนตกแต่ปริมาณไม่มาก ไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรจึงควรให้น้ำแก่พืชที่ปลูกอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชเหี่ยวเฉา ถ้าขาดน้ำเป็นเวลานานจะทำให้พืชเหี่ยวเฉาถาวร และต้นตายได้
  • สำหรับสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรชนิดต่างๆในไม้ผล ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืช ทำให้ต้นทรุดโทรม ส่งผลต่อการผลิดอกออกผลของพืช
  • เนื่องจากระยะนี้และระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนมีน้อย เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงที่มีฝนตกน้อย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ