ระหว่าง 28 เมษายน 2557 - 04 พฤษภาคม 2557
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 28-30 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกบางแห่ง ในช่วงวันที่ 1-4 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
- ระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง และไม่ปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งขณะเกิดฝนฟ้าคะนอง
- แม้จะมีฝนตกแต่การกระจายยังไม่ทั่วถึง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะลำไยที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรให้น้ำอย่างเหมาะสม หากขาดน้ำในระยะนี้จะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต ส่งผลให้ผลผลิตด้อยคุณภาพ
- เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนในระยะนี้ เกษตรกรควรลดอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ รวมทั้งจัดหาน้ำดื่มให้กับสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียดอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 28-30 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 40-70 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกบางแห่ง ในช่วงวันที่ 1-4 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- ในช่วงที่มีฝนฟ้าคะนอง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาสูงๆขณะลมแรง หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง และไม่ปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งขณะมีฝนฟ้าคะนอง
- สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชรุ่นใหม่ในระยะนี้ควรรอให้มีฝนตกสม่ำเสมอ หรือดินมีความชื้นเพียงพอแล้วค่อยลงมือปลูก แต่ควรเตรียมดินเอาไว้ให้พร้อม
- ส่วนผู้ที่เตรียมดินเพื่อปลูกพืชควรยกร่องแปลงปลูกให้สูง และทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนักในระยะต่อไป
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 28-30 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกบางแห่ง ในช่วงวันที่ 1-4 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
- ในช่วงที่มีฝนฟ้าคะนอง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาสูงๆขณะลมแรง
- สำหรับปริมาณและการกระจายของฝนที่ตกในระยะนี้ ยังไม่เพียงพอต่อการเกษตร เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชรุ่นใหม่ ควรเตรียมดินเอาไว้ให้พร้อม รอจนมีฝนตกสม่ำเสมอ หรือดินมีความชื้นเพียงพอแล้วค่อยลงมือปลูก เพื่อลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนน้ำของพืชในระยะเจริญเติบโต
- สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรตรวจสอบสภาพโรงเรือนให้มีความมั่นคงแข็งแรง ดูแลหลังคาโรงเรือนอย่าให้ชำรุด และมีรอยรั่วซึม เนื่องจากระยะต่อไปจะเข้าสู่ฤดูฝน หากหลังคามีรอยรั่วจะทำให้สัตว์เปียกชื้นอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 28-30 เม.ย. มีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง และอาจมีลูกเห็บตกบางแห่ง ในช่วงวันที่ 1-4 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
- ในช่วงที่มีฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายจากสภาวะดังกล่าว
- สำหรับทุเรียนที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล หากแก่ดีแล้วเกษตรกรควรรีบเก็บเกี่ยว ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้ เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผลไม้คุณภาพลดลงและเป็นไส้ซึมได้ง่าย
- ส่วนพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรยกร่องแปลงปลูกให้สูง และทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังในแปลงปลูกพืช เมื่อมีฝนตกหนักในระยะต่อไป
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ตลอดช่วงอุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร
- สำหรับทางภาคใต้ฝั่งตะวันออกปริมาณและการกระจายของฝนยังคงมีน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะผลอ่อน ควรให้น้ำอย่างเหมะสมหากขาดน้ำจะทำให้ผลร่วงหล่น ผลผลิตลดลง
- สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอก เกษตรกรควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งจะกัดกินดอกทำให้การติดผลลดลง หากพบการระบาดควรรีบกำจัด
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยง เกษตรกรควรป้องกันน้ำฝนไหลลงบ่อทำให้สภาพน้ำเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ตลอดช่วงอุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร
- สำหรับทางภาคใต้ฝั่งตะวันออกปริมาณและการกระจายของฝนยังคงมีน้อย เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะผลอ่อน ควรให้น้ำอย่างเหมะสมหากขาดน้ำจะทำให้ผลร่วงหล่น ผลผลิตลดลง
- สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอก เกษตรกรควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งจะกัดกินดอกทำให้การติดผลลดลง หากพบการระบาดควรรีบกำจัด
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยง เกษตรกรควรป้องกันน้ำฝนไหลลงบ่อทำให้สภาพน้ำเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74