พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 07 พฤษภาคม 2557 - 13 พฤษภาคม 2557

ข่าวทั่วไป Friday May 9, 2014 06:42 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 07 พฤษภาคม 2557 - 13 พฤษภาคม 2557

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 8-11 พ.ค. อากาศร้อนขึ้นในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 12-13 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

  • ระยะนี้เป็นช่วงเปลี่ยนฤดูกาล สภาพอากาศค่อนข้างแปรปรวน เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย เนื่องจากร่างกายปรับตัวไม่ทัน
  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะผลแก่และเก็บเกี่ยวโดยเฉพาะลิ้นจี่และลำไย ชาวสวนควรเก็บกวาดผลที่เน่าเสียและร่วงหล่น ไปกำจัดให้ถูกวิธี ไม่ควรกองสุมไว้ในบริเวณสวน เพื่อเป็นการตัดวงจรชีวิตของโรคและแมลงศัตรูพืช
  • ระยะต่อไปจะเข้าสู่ฤดูฝน เกษตรกรที่จะปลูกพืชรอบใหม่ ควรจัดเตรียมระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดน้ำขังในบริเวณแปลงปลูก เมื่อมีฝนตกหนักติดต่อกัน รวมทั้งคลุกเมล็ดพันธุ์และชุบท่อนพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อรา

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 8-13 พ.ค. อากาศร้อนขึ้นในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูร้อน ซึ่งสภาพอากาศจะร้อนสลับกับมีฝนบางวัน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหากร่างกายปรับตัวไม่ทัน
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้มั่นคงแข็งแรงรวมทั้งซ่อมแซมหลังคาอย่าให้รั่วซึม และทำแผงกำบังฝนสาดให้กับสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันสัตว์เปียกชื้น อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ระยะต่อไปจะเข้าสู่ฤดูฝน เกษตรกรที่จะปลูกพืชรอบใหม่ ควรจัดเตรียมระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดน้ำขังในบริเวณแปลงปลูก เมื่อมีฝนตกหนักติดต่อกัน รวมทั้งคลุกเมล็ดพันธุ์และชุบท่อนพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อรา

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 8-13 พ.ค. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทัน และเป็นโรคได้ง่าย
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยง เกษตรกรควรเสริมวัสดุสำหรับกั้นขอบบ่อเพื่อป้องกันน้ำฝนไหลลงบ่อทำให้สภาพน้ำเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ระยะต่อไปจะเข้าสู่ฤดูฝน เกษตรกรที่จะปลูกพืชรอบใหม่ ควรจัดเตรียมระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดน้ำขังในบริเวณแปลงปลูก เมื่อมีฝนตกหนักติดต่อกัน รวมทั้งคลุกเมล็ดพันธุ์และชุบท่อนพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อรา

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 8-13 พ.ค. อากาศร้อนขึ้นในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส

  • เนื่องจาก สภาพอากาศจะมีความชื้นสูง ไม้ผลที่อยู่ในระยะเก็บเกี่ยวผล เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้ผลที่เน่าเสียและร่วงหล่นกองรวมอยู่ในสวน แต่ควรกำจัดให้ถูกวิธีโดยเผาหรือฝัง เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของโรคและศัตรูพืชโดยเฉพาะโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราซึ่งมักระบาดในช่วงที่มีความชื้นสูง
  • ระยะต่อไปปริมาณฝนจะเพิ่มขึ้น ชาวสวนผลไม้ในที่ลุ่มควรจัดทำทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังบริเวณโคนต้น ป้องกันโรครากเน่าและโคนเน่า
  • ส่วนชาวสวนยางพาราควรดูแลสภาพสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวนป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 8-13 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร

  • ระยะนี้ทางฝั่งตะวันออกจะมีฝนไม่มาก โดยเฉพาะทางตอนบน เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืช รวมทั้งคลุมดินบริเวณโคนต้นพืช เพื่อสงวนความชื้นในดิน
  • ส่วนทางตอนล่างของภาคจะมีฝนเพิ่มขึ้นชาวสวนผลไม้และสวนยางพาราควรดูแลสภาพสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวนป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร

  • ระยะต่อไปทางฝั่งตะวันตกจะมีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้น เกษตรกรควรตรวจสอบและดูแลอุปกรณ์สำหรับระบายน้ำให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน รวมทั้งจัดเตรียมทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก ขุดลอกคูคลอง และสันดอนปากแม่น้ำ เพื่อให้น้ำไหลได้สะดวกป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนักในระยะต่อไป

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ