พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 09 พฤษภาคม 2557 - 15 พฤษภาคม 2557

ข่าวทั่วไป Monday May 12, 2014 06:24 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 09 พฤษภาคม 2557 - 15 พฤษภาคม 2557

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 9-10 พ.ค. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนและด้านตะวันออกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 11-15 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางด้านตะวันตกและตอนล่างของภาค ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

  • ระยะนี้เป็นช่วงเปลี่ยนฤดูจากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝน สภาพอากาศจะแปรปรวนโดยจะมีอากาศร้อนสลับกับมีฝนตก เกษตรกรควรรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับไม้ผลที่เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว เกษตรกรควรตัดแต่งกิ่ง และทาแผลรอยตัดด้วยสารป้องกันเชื้อรา เนื่องจากระยะต่อไป จะเป็นฤดูฝนความชื้นในอากาศจะสูง เหมาะกับการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่อับชื้น และพื้นคอกไม่ชื้นแฉะ เพราะจะทำให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 9-10 พ.ค. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 11-15 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางด้านตะวันตกและตอนล่างของภาค ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

  • ระยะนี้เป็นช่วงปลายฤดูร้อนต้นฤดูฝน สภาพอากาศ จะเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหากร่างกายปรับตัวไม่ทัน
  • เนื่องจากในบางช่วงจะมีฝนฟ้าคะนอง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง และไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งขณะฝนฟ้าคะนอง เพราะอาจได้รับอันตรายได้
  • สำหรับเกษตรกรที่ปลูกพืชรอบใหม่ ไม่ควรปลูกแน่นจนเกินไปเนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นฤดูฝนปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มขึ้นทำให้มีความชื้นสะสมในแปลงปลูก ซึ่งจะทำให้เกิดโรคพืชจำพวกเชื้อราได้

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 9-10 พ.ค. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 11-15 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางด้านตะวันตกและตอนล่างของภาค ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง โดยจะมีอากาศร้อนสลับกับฝนตก เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้ถูกสุขลักษณะ ไม่ร้อนหรือเย็นจนเกินไป และยกพื้นคอกสัตว์ให้สูงขึ้น โดยเฉพาะโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ที่อยู่ในที่ลุ่ม เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นฤดูฝนปริมาณฝนจะเพิ่มขึ้นซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมขังได้
  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนักในระยะต่อไป

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 9-10 พ.ค. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 11-15 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นช่วงฤดูฝนปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มขึ้น ไม้ผลที่เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว เกษตรกรควรตัดแต่งกิ่งและขั้วผลให้ทรงพุ่มโปร่ง แสงแดดส่องได้ถึงโคนต้น อากาศถ่ายเทได้สะดวก แล้วทาแผลรอยตัดด้วยสารป้องกันเชื้อรา ซึ่งมักจะเกิดในช่วงที่มีความชื้นสูง
  • สำหรับพื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรดูแลระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนักซึ่งจะทำให้รากพืชเน่า ต้นพืชตายได้

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 9-10 พ.ค. อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 11-15 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • สำหรับทางภาคใต้ฝั่งตะวันออก พื้นที่ซึ่งมีฝนตกน้อย ไม้ผลที่อยู่ในระยะผลอ่อน เกษตรกรควรดูแลให้น้ำอย่างเพียงพอ เพราะหากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต ถ้าขาดน้ำจะทำให้ผลร่วงหล่น การติดผลลดลง
  • ในช่วงที่มีฝนตก ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรรักษาสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลง เพื่อป้องกันสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 9-10 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 11-15 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 40-70 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้ทางภาคใต้ฝั่งตะวันตก ปริมาณและการกระจายของฝนจะมีมากกว่าทางภาคใต้ฝั่งตะวันออก เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในพื้นที่เพาะปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนัก
  • ในช่วงที่มีฝนตก ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรรักษาสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลง เพื่อป้องกันสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ