พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 12 พฤษภาคม 2557 - 18 พฤษภาคม 2557

ข่าวทั่วไป Wednesday May 14, 2014 07:34 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 12 พฤษภาคม 2557 - 18 พฤษภาคม 2557

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 12-14 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม ส่วนในช่วงวันที่ 15-18 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้เป็นช่วงเปลี่ยนฤดูจากฤดูร้อนเข้าสู่ฤดูฝน สภาพอากาศจะแปรปรวนโดยจะมีอากาศร้อนสลับกับมีฝนตก เกษตรกรควรรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะผลแก่และเก็บเกี่ยวโดยเฉพาะลิ้นจี่ ชาวสวนควรเก็บกวาดผลที่เน่าเสียและร่วงหล่น ไปกำจัดให้ถูกวิธีโดยการเผาหรือฝังไม่ควรกองสุมไว้ในบริเวณสวน เพื่อเป็นการตัดวงจรชีวิตของโรคและแมลงศัตรูพืช
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่อับชื้น และพื้นคอกไม่ชื้นแฉะ เพราะจะทำให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 12-14 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางด้านตะวันออกและตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 15-18 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางด้านตะวันออกและตอนล่างของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้เป็นช่วงปลายฤดูร้อนต้นฤดูฝน สภาพอากาศ เปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพตนเองให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหากร่างกายปรับตัวไม่ทัน
  • เนื่องจากในบางช่วงจะมีฝนฟ้าคะนอง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง และไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งขณะฝนฟ้าคะนอง เพราะอาจได้รับอันตรายได้
  • ระยะต่อไปจะเข้าสู่ฤดูฝน เกษตรกรที่จะปลูกพืชรอบใหม่ ควรจัดเตรียมระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดน้ำขังในบริเวณแปลงปลูก เมื่อมีฝนตกหนักติดต่อกัน รวมทั้งคลุกเมล็ดพันธุ์และชุบท่อนพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อรา

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 12-14 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 15-18 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทัน และเป็นโรคได้ง่าย
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยง เกษตรกรควรเสริมวัสดุสำหรับกั้นขอบบ่อเพื่อป้องกันน้ำฝนไหลลงบ่อทำให้สภาพน้ำเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ส่วนผู้ที่เตรียมดิน เพื่อปลูกพืชในระยะนี้ควรเตรียมทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก ไม่ให้น้ำขังในแปลงปลูกพืช ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 12-14 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 15-18 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • เนื่องจาก สภาพอากาศจะมีความชื้นสูง ไม้ผลที่อยู่ในระยะเก็บเกี่ยวผล เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้ผลที่เน่าเสียและร่วงหล่นกองรวมอยู่ในสวน แต่ควรกำจัดให้ถูกวิธีโดยการเผาหรือฝัง เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของโรคและศัตรูพืชโดยเฉพาะโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราซึ่งมักระบาดในช่วงที่มีความชื้นสูง
  • ระยะต่อไปปริมาณฝนจะเพิ่มขึ้น ชาวสวนผลไม้ในที่ลุ่มควรจัดทำทางระบายน้ำเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขังบริเวณโคนต้น ป้องกันโรครากเน่าและโคนเน่า

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 12-14 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 15-18 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • สำหรับภาคใต้ฝั่งตะวันออกปริมาณและการกระจายของฝนยังไม่มากพอโดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรดูแลให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะติดผลควรดูแลให้น้ำอย่างเหมาะสม เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ผลร่วงหล่นผลผลิตลดลง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 12-14 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 15-18 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • ระยะต่อไปทางฝั่งตะวันตกจะมีปริมาณฝนเพิ่มมากขึ้น เกษตรกรควรตรวจสอบและดูแลอุปกรณ์สำหรับระบายน้ำให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน รวมทั้งจัดเตรียมทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก ขุดลอกคูคลอง และสันดอนปากแม่น้ำ เพื่อให้น้ำไหลได้สะดวกป้องกันน้ำท่วมขังเมื่อมีฝนตกหนักในระยะต่อไป

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ