พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 14 พฤษภาคม 2557 - 20 พฤษภาคม 2557

ข่าวทั่วไป Thursday May 15, 2014 08:33 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 14 พฤษภาคม 2557 - 20 พฤษภาคม 2557

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 14-15 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 35-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 16-20 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะต่อไปจะเข้าสู่ฤดูฝน เกษตรกรที่จะปลูกพืชรอบใหม่ ควรจัดเตรียมระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดน้ำขังในบริเวณแปลงปลูก เมื่อมีฝนตกหนักติดต่อกัน รวมทั้งคลุกเมล็ดพันธุ์และชุบท่อนพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อรา
  • สำหรับไม้ผลที่เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว เกษตรกรควรตัดแต่งกิ่ง และทาแผลรอยตัดด้วยสารป้องกันเชื้อรา เนื่องจากระยะต่อไป จะเป็นฤดูฝนความชื้นในอากาศจะสูง เหมาะกับการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่อับชื้น และพื้นคอกไม่ชื้นแฉะ เพราะจะทำให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 14-15 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 16-20 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ระยะต่อไปจะเข้าสู่ฤดูฝน อากาศมีความชื้นสูงเหมาะแก่การเกิดโรคพืชจำพวกเชื้อรา เกษตรกรที่จะปลูกพืชรอบใหม่ ควรคลุกเมล็ดพันธุ์และชุบท่อนพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อรา
  • เนื่องจากในบางช่วงจะมีฝนฟ้าคะนอง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง และไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งขณะฝนฟ้าคะนอง เพราะอาจจะได้รับอันตรายได้
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้มั่นคงแข็งแรงรวมทั้งซ่อมแซมหลังคาอย่าให้รั่วซึม และทำแผงกำบังฝนสาดให้กับสัตว์เลี้ยง เพื่อป้องกันสัตว์เปียกชื้น อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 14-15 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 16-20 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลง โดยจะมีอากาศร้อนสลับกับมีฝนตก เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเอง และสัตว์เลี้ยงให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับในช่วงที่มีฝนฟ้าคะนอง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้สิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง ต้นไม้ใหญ่ และป้ายโฆษณาสูงๆขณะลมแรง หลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้ง และไม่ปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งขณะมีฝนฟ้าคะนอง
  • เกษตรกรที่เตรียมดินเพื่อปลูกพืชไร่ในระยะนี้ ควรจัดระบบระบายน้ำในพื้นที่เพาะปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำขังเมื่อมีฝนตกหนักในระยะต่อไป

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 14-15 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 16-20 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณฝนจะเพิ่มขึ้น สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเก็บเกี่ยวผลและเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรเก็บกวาดผลที่เน่าเสียและร่วงหล่น ไปกำจัด ไม่ควรกองไว้ในสวน เพราะจะเป็นแหล่งสะสมของโรคและศัตรูพืช
  • ส่วนพื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก เพื่อไม่ให้น้ำขังบริเวณโคนต้นพืช เพื่อป้องกันโรครากเน่าและโคนเน่า

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 14-15 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 16-20 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • สำหรับสภาพอากาศที่มีความชื้นสูงชาวสวนผลไม้และสวนยางพาราควรกำจัดวัชพืช และดูแลสวนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวนป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 14-15 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 16-20 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกกว่า 2 เมตร

  • ระยะนี้ทางฝั่งตะวันตกจะมีฝนเพิ่มขึ้น และมีฝนตกหนักบางพื้นที่ พื้นที่การเกษตรที่เป็นที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดทำระบบระบายน้ำให้มีประสิทธิภาพ รวมทั้งดูแลอุปกรณ์สำหรับระบายน้ำให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน
  • สำหรับสภาพอากาศที่มีความชื้นสูงชาวสวนผลไม้และสวนยางพาราควรกำจัดวัชพืช และดูแลสวนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวนป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
  • ระยะนี้ บริเวณทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ