ระหว่าง 16 กรกฎาคม 2557 - 22 กรกฎาคม 2557
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 16-17 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 18-22 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณตอนบนและด้านตะวันออกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- ในช่วงวันที่ 18-22 ก.ค.จะมีฝนเพิ่มมากขึ้น สภาพอากาศ มีความชื้นสูง และความชื้นในดินมีมาก เกษตรกรที่ปลูกพืชไร่และพืชผักในระยะนี้ควรป้องกันการระบาดของโรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบจุด โรคราสนิม และโรคเน่าคอดิน เป็นต้น
- สำหรับข้าวนาปีชาวนาควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรคไหม้และใบจุดสีน้ำตาล รวมทั้งศัตรูพืชจำพวกหนอน เช่น หนอนกระทู้ และหนอนห่อใบข้าว เป็นต้น
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 16-17 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 18-22 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณตอนบนและด้านตะวันออกของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- ในระยะนี้ทางตอนบนและด้านตะวันออกของภาคยังคงมีฝนตกชุก สภาพอากาศ มีความชื้นสูง ชาวนาที่ปลูกข้าวนาปีควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรคไหม้ และใบจุดสีน้ำตาล รวมทั้งศัตรูพืชจำพวกหนอน เช่น หนอนกระทู้ และหนอนห่อใบข้าว เป็นต้น
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในกระชัง ช่วงที่ฝนตกหนักอาจทำให้สภาพน้ำ เปลี่ยนแปลงอย่างรวดร็ว สัตว์น้ำอาจปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย ดังนั้นหากโตได้ขนาดควรทยอยจับขายไปก่อนเพื่อลดความเสี่ยง
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 16-18 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 19-22 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
-ในช่วงวันที่ 19-22 ก.ค.จะมีฝนเพิ่มมากขึ้น เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชผักในระยะนี้ ควรยกร่องแปลงปลูกให้สูง และคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อราก่อนปลูก
- สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก พื้นคอกไม่ชื้นแฉะ ป้องกันสัตว์อ่อนแอและเป็นโรคโดยเฉพาะโรคปากเท้าเปื่อยในสัตว์เท้ากีบ
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 16-17 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 18-22 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2-3 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส
-ในระยะนี้ยังคงมีฝนตกชุก สภาพอากาศ มีความชื้นสูง ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา และไม่ควรกรีดยางขณะที่ต้นยางเปียกอยู่ เพราะอาจเกิดโรคเส้นดำ เข้าทำลายบริเวณบาดแผลที่กรีด รวมทั้งทาหน้ากรีดยางด้วยสารป้องกันเชื้อรา
- ในช่วงวันที่ 18-21 ก.ค. บริเวณอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นลมแรงผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 16-17 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ในช่วงวันที่ 18-22 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งทางตอนบนของภาคตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีขึ้นมา: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งทะเลคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส
- ในระยะนี้ทางฝั่งตะวันตกจะมีฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตร
- ส่วนชาวสวนยางพาราควรดูแลสวนให้โล่งเตียน อากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรคใบยางร่วง ลูกยางเน่า โรคราสีชมพู และโรคหน้ากรีดยาง เป็นต้น
- อนึ่ง ในช่วงวันที่ 18-21 ก.ค. บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นลมแรง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 16-17 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนมากทางตอนบนของภาค ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ในช่วงวันที่ 18-22 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตขึ้นมา ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-45 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ตั้งแต่จังหวัดกระบี่ลงไป ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส
- ในระยะนี้ทางฝั่งตะวันตกจะมีฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สินและพืชผลทางการเกษตร
- ส่วนชาวสวนยางพาราควรดูแลสวนให้โล่งเตียน อากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่นโรคใบยางร่วง ลูกยางเน่า โรคราสีชมพู และโรคหน้ากรีดยาง เป็นต้น
- อนึ่ง ในช่วงวันที่ 18-21 ก.ค. บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนจะมีคลื่นลมแรง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74