พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 06 ตุลาคม 2557 - 12 ตุลาคม 2557

ข่าวทั่วไป Tuesday October 7, 2014 08:46 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 06 ตุลาคม 2557 - 12 ตุลาคม 2557

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 6-7 ต.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส กับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ในช่วงวันที่ 8-9 ต.ค. มีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณด้านตะวันตก และตอนล่างของภาคส่วนในช่วงวันที่ 10-12 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 19-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม

-สัปดาห์นี้เป็นช่วงปลายฤดูฝนที่จะเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว สภาพอากาศจะแปรปรวนในบางช่วงอุณหภูมิจะลดลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ควรจัดเตรียมวัสดุและอุปกรณ์สำหรับเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์เอาไว้ให้พร้อมใช้งาน รวมทั้งทำแผงกำบังลมหนาว โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กเพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็น จนอ่อนแอและป่วย
  • สำหรับปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลงโดยเริ่มจากทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตร รวมทั้งวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 6-9 ต.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณด้านตะวันตก และตอนล่างของภาคส่วนในช่วงวันที่ 10-12 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • สัปดาห์นี้เป็นช่วงปลายฤดูฝน สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงโดยทางตอนบนของภาคอุณหภูมิจะเริ่มลดลงในตอนเช้า เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ถ้าร่างกายปรับตัวไม่ทัน
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ควรจัดเตรียมวัสดุ อุปกรณ์สำหรับกันหนาว และจัดทำแผงกำบังลมหนาวให้สัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กเพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็น จนอ่อนแอและป่วย
  • แม้ปริมาณฝนจะลดลงแต่ความชื้นในดินยังคงมีอยู่ ผู้ที่ต้องการปลูกพืชในระยะปลายฤดูฝนควรคลุกเมล็ดพันธุ์หรือชุบท่อนพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อรา และควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 6-10 ต.ค. มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณด้านตะวันตกของภาคส่วนในช่วงวันที่ 11-12 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส

  • ช่วงต้นสัปดาห์จะมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรง เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงอยู่ใกล้ต้นไม้ใหญ่ และสิ่งปลูกสร้างไม่แข็งแรงในขณะที่มีลมกระโชกแรง
  • ส่วนเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชรอบใหม่หลังการทำนา ควรเลือกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย และควรชุบท่อนพันธุ์หรือคลุกเมล็ดพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อรา เนื่องจากระยะนี้ในดินยังคงมีความชื้นสูง
  • นอกจากนี้ เกษตรกรที่อยู่นอกเขตชลประทานควรกักเก็บน้ำเอาไว้ใช้ทางด้านการเกษตร เนื่อจากในระยะต่อไปปริมาณ และการกระจายของฝนจะเริ่มลดลง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 6-10 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ส่วนในช่วงวันที่ 11-12 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

  • สัปดาห์นี้มีฝนตกต่อเนื่องกับมีฝนตกหนักบางแห่ง พื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรไม่ควรปล่อยให้น้ำขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศต้นพืชตายได้
  • สำหรับสภาพอากาศที่มีความชื้นสูงอาจทำให้เกิดโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ชาวนาควรระวังการระบาดของโรคไหม้ ในข้าวนาปีที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต โดยหมั่นสำรวจแปลงนาหากพบควรรีบกำจัดก่อนที่ระบาดเป็นบริเวณกว้าง
  • ส่วนชาวสวนผลไม้ และสวนยางพารา ควรดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 6-7 และ 11-12 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งส่วนในช่วงวันที่ 8-10 ต.ค. ฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

  • สัปดาห์นี้มีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สิน และพืชผลการเกษตร
  • สำหรับชาวสวนผลไม้ ควรดูแลสภาพสวนให้โปร่ง ตัดแต่งกิ่งให้แสงแดดส่องได้ถึงโคนต้น เพื่อลดความชื้นในสวนป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา รวมทั้งกำจัดวัชพืชในสวนให้โล่งเตียน เพื่อไม่ให้เป็นที่อาศัยหลบซ่อนของโรคและแมลงศัตรูพืช
  • ส่วนผู้ที่ปลูกยางพารา กาแฟ และปาล์มน้ำมัน ควรระวังและป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลง โดยหมั่นกำจัดวัชพืชและทำความสะอาดภายในสวนให้โล่งเตียน เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ซึ่งจะช่วยลดการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
  • อนึ่ง ในช่วงวันที่ 6 – 7 ต.ค. และ 11 – 12 ต.ค. บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรง ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 6-7 และ 11-12 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองเกือบทั่วไป ร้อยละ 70-80 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ในช่วงวันที่ 8-10 ต.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส

  • สัปดาห์นี้มีฝนตกต่อเนื่อง และมีฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สิน และพืชผลการเกษตร
  • สำหรับชาวสวนผลไม้ ควรดูแลสภาพสวนให้โปร่ง ตัดแต่งกิ่งให้แสงแดดส่องได้ถึงโคนต้น เพื่อลดความชื้นในสวนป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา รวมทั้งกำจัดวัชพืชในสวนให้โล่งเตียน เพื่อไม่ให้เป็นที่อาศัยหลบซ่อนของโรคและแมลงศัตรูพืช
  • ส่วนผู้ที่ปลูกยางพารา กาแฟ และปาล์มน้ำมัน ควรระวังและป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลง โดยหมั่นกำจัดวัชพืชและทำความสะอาดภายในสวนให้โล่งเตียน เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ซึ่งจะช่วยลดการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
  • อนึ่ง ในช่วงวันที่ 6 – 7 ต.ค. และ 11 – 12 ต.ค. บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรง ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือและเรือเล็กบริเวณทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งไว้ด้วย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ