พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 15 ตุลาคม 2557 - 21 ตุลาคม 2557

ข่าวทั่วไป Thursday October 16, 2014 08:55 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 15 ตุลาคม 2557 - 21 ตุลาคม 2557

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 15-18 ต.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ ลมตะวันออกความเร็ว 10-25 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 19-21 ต.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออกความเร็ว 10-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 19-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส

-ในช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว สภาพอากาศจะแปรปรวน ในบางช่วงอุณหภูมิจะลดลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ

  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ควรจัดเตรียมวัสดุและอุปกรณ์สำหรับเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์เอาไว้ให้พร้อมใช้งาน รวมทั้งทำแผงกำบังลมหนาว เพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็น จนอ่อนแอและป่วยได้
  • สำหรับสภาพอากาศที่มีความชื้นสูง ผู้ที่ปลูกกาแฟ ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น ราสนิม ทำให้ต้นพืชเสียหายผลผลิตด้อยคุณภาพ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 15-17 ต.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีลมแรง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ต.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตอนล่างของภาค ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-32 องศาเซลเซียส

  • ในระยะนี้เริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว อากาศจะเปลี่ยนแปลง โดยมีอากาศเย็นในตอนเช้ากับมีลมแรง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ส่วนผู้ที่ปลูกมะขามหวานในระยะนี้ควรระวังและป้องกันโรคราแป้ง โดยจะทำให้ใบอ่อน กิ่งอ่อน และฝักอ่อน แห้งตาย ซึ่งมักระบาดในช่วงปลายฝนต้นหนาว หากพบควรรีบกำจัด
  • สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ โดยเฉพาะสัตว์เล็ก รวมทั้งทำแผงกำบังลมหนาว เพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็น จนอ่อนแอและป่วยได้

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 15-17 ต.ค. ทางบนของภาคอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ต.ค. มีเมฆบางส่วนกับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนมากด้านตะวันตกและตอนล่างของภาคลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

  • ในระยะนี้เป็นช่วงเปลี่ยนจากฤดูฝน เข้าสู่ฤดูหนาว อากาศจะเปลี่ยนแปลงโดยเฉพาะทางตอนบนของภาคจะมีอากาศเย็นในตอนเช้า เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ถึงแม้ปริมาณฝนจะลดลงในระยะนี้ แต่ความชื้นในดินยังคงมีอยู่ ผู้ที่ต้องการปลูกพืชในระยะปลายฤดูฝนควรคลุกเมล็ดพันธุ์หรือชุบท่อนพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อรา และควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย
  • ในระยะนี้สภาพอากาศมีความชื้นและอุณหภูมิเหมาะแก่การระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาลในนาข้าว ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นข้าวเสียหายได้ ชาวนาควรหมั่นสำรวจแปลงข้าวหากพบควรกำจัดก่อนที่จะระบาดเป็นบริเวณกว้าง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 15-17 ต.ค. มีเมฆบางส่วนกับมีหมอกในตอนเช้า ส่วนในช่วงวันที่ 18-21 ต.ค. มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตรอุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส

  • ในระยะนี้จะมีบริมาณฝนลดลง แต่ความชื้นในดินยังคงมีอยู่ ชาวสวนไม้ผลควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรครากเน่าโคนเน่า รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืชทำให้ต้นพืชเสียหายได้
  • สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในช่วงปลายฤดูฝน ควรคลุกเมล็ดพันธุ์หรือชุบท่อนพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อรา และควรเลือกปลูกพืชที่อายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย เนื่องจากระยะต่อไปปริมาณและการกระจายของฝนจะลดลง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่งในช่วงวันที่ 15-16 และ 19-21 ต.ค. ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส

  • เนื่องจากระยะนี้เป็นฤดูฝนของภาคใต้ฝั่งตะวันออก ปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มขึ้น เกษตรกรควรขุดลอกคูคลองและทางระบายน้ำอย่าให้ตื้นเขิน เพื่อให้น้ำไหลได้สะดวก ป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตรเมื่อมีฝนตกหนัก
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำในบ่อเปลี่ยนแปลง สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ส่วนผู้ที่ปลูกไม้ผล ยางพารา กาแฟ และปาล์มน้ำมัน ควรระวังและป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลง โดยหมั่นกำจัดวัชพืชและทำความสะอาดภายในสวนให้โล่งเตียน เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ซึ่งจะช่วยลดการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

  • เนื่องจากระยะนี้เป็นฤดูฝนของภาคใต้ฝั่งตะวันออก ปริมาณและการกระจายของฝนจะเพิ่มขึ้น เกษตรกรควรขุดลอกคูคลองและทางระบายน้ำอย่าให้ตื้นเขิน เพื่อให้น้ำไหลได้สะดวก ป้องกันน้ำท่วมขังในพื้นที่การเกษตรเมื่อมีฝนตกหนัก
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยงไม่ควรปล่อยให้น้ำฝนที่ตกบนดินไหลลงบ่อ เพราะจะทำให้สภาพน้ำในบ่อเปลี่ยนแปลง สัตว์น้ำปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ส่วนผู้ที่ปลูกไม้ผล ยางพารา กาแฟ และปาล์มน้ำมัน ควรระวังและป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลง โดยหมั่นกำจัดวัชพืชและทำความสะอาดภายในสวนให้โล่งเตียน เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ซึ่งจะช่วยลดการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ