ระหว่าง 09 มกราคม 2558 - 15 มกราคม 2558
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 9-10 ม.ค. มีพายุฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง ส่วนในวันที่ 11-13 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 6-8 องศาเซลเซียส ตอนบนของภาค อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-29 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 2-6 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. หลังจากนั้นในวันที่ 14-15 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้น
- ระยะนี้สภาพอากาศแปรปรวน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยหากร่างกายปรับตัวไม่ทัน
- สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- ส่วนบริเวณยอดดอยจะมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร โดยใช้ตาข่ายตาถี่คลุมเหนือทรงพุ่มของพืช เพื่อลดการสูญเสียความร้อนจากดินในตอนกลางคืน
- ช่วงที่อุณหภูมิลดลง เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุสีเข้มเพื่อรักษาอุณหภูมิดินในเวลากลางคืน
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 9-11 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง 5-7 องศาเซลเซียส ตอนบนของภาค อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-8 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในวันที่ 12-15 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
- ในระยะนี้จะมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป โดยทางตอนบนของภาคจะมีอากาศหนาว เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- สำหรับผู้ที่จุดไฟผิงเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงหากใช้งานเสร็จแล้วควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งแจ้งตอนกลางคืน เพราะสัตว์ที่ไม่แข็งแรงอาจป่วยและตายได้
- สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรลดปริมาณอาหาร เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำที่ลดลงทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อยอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้ออกซิเจนในน้ำลดลงทำให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 9-12 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-30 องศาเซลเซียส ส่วนในวันที่ 13-15 ม.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- ระยะนี้อากาศเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์ ไม่ควรปล่อยให้ลมโกรกบริเวณโรงเรือน เพราะจะทำให้สัตว์เลี้ยงหนาวเย็นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรระวังอย่าให้อุณหภูมิน้ำระหว่างระดับบนและน้ำระดับลึกลงไปแตกต่างกันมาก เพราะจะทำให้สัตว์น้ำไปแออัดอยู่ในระดับล่างที่อุ่นกว่า ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย เกษตรกรควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อให้น้ำผสมเป็นเนื้อเดียวกัน และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้แก่น้ำ
ภาคตะวันออก
ในวันที่ 9-10 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 11-15 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นในตอนเช้า กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
- เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง และบางช่วงมีลมแรง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยในพื้นที่เพาะปลูก อาคารบ้านเรือน และโรงเก็บพืชผลทางการเกษตร โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่
- เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัดโดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยๆครั้ง และควรให้น้ำพืชในช่วงเย็น เพื่อลดการระเหยของน้ำ
- ในช่วงที่อุณหภูมิลดลงผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อให้น้ำผสมเป็นเนื้อเดียวกัน ป้องกันน้ำในระดับบนและน้ำในระดับลึกลงไปแยกชั้นกัน และเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้แก่น้ำ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในวันที่ 9-10 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 11-15 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัด สุราษฎร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
- ทางตอนบนของภาคอากาศเย็น ในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลงเกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- ส่วนทางตอนล่างของภาคยังมีฝนตกต่อเนื่องทำให้ความชื้นในดินมีอยู่มาก ชาวสวนไม้ผลควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยกำจัดวัชพืชให้โล่งเตียน และดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราซึ่งมักระบาดในช่วงที่ดินมีความชื้นสูง
- อนึ่ง บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรงโดยจะมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร ตลอดช่วง เกษตรกรที่อาศัยอยู่ใกล้ชายฝั่ง และผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายจากคลื่นลมแรงที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ควรงดออกจากฝั่ง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
- มีฝนตกต่อเนื่องทำให้ความชื้นในดินมีอยู่มาก ชาวสวนไม้ผลควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยกำจัดวัชพืชให้โล่งเตียน และดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราซึ่งมักระบาดในช่วงที่ดินมีความชื้นสูง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74