ระหว่าง 12 มกราคม 2558 - 18 มกราคม 2558
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 13-14 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลงอีก 2-4 องศาเซลเซียส ตอนบนของภาค อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 2-6 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 15-18 ม.ค. อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ตอนบนของภาค อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-29 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
- สัปดาห์นี้อากาศจะหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และทำแผงกำบังลมหนาวหรือเพิ่มดวงไฟในโรงเรือนเพื่อให้ความอบอุ่นแก่สัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสัตว์เลี้ยงเล็ก
- สำหรับบริเวณยอดดอย ยังมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด และมีน้ำค้างแข็งในบางพื้นที่ เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ และระวังความเสียหายจากน้ำค้างแข็งที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร
- ส่วนผู้ที่จุดไฟผิงเพื่อให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงหากใช้งานเสร็จแล้วควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังเลิกใช้งาน เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 13-14 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-3 องศาเซลเซียส ตอนบนของภาค อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-8 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 15-18 ม.ค. อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ตอนบนของภาค อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-30 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
- สัปดาห์นี้อากาศจะหนาวเย็นโดยทั่วไป เกษตกรกรควรเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ร่างกายและสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ ส่วนผู้ที่จุดไฟผิงเพื่อเพิ่มความอบอุ่นควรดับไฟให้สนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย
- สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรลดปริมาณอาหาร เนื่องจากอุณหภูมิของน้ำที่ลดลงทำให้สัตว์น้ำกินอาหารได้น้อยอาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ส่งผลให้ออกซิเจนในน้ำลดลงทำให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อไม่ให้อุณหภูมิน้ำในระดับตื้นและระดับลึกแตกต่างกันมากและเป็นการเพิ่มออกซิเจนในน้ำด้วย
- ระยะนี้สภาพอากาศแห้ง ชาวสวนยางพาราควรป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยเก็บกวาดกิ่งไม้และใบไม้แห้งในสวนให้โล่งเตียน รวมทั้งทำแนวป้องกันไฟไว้ด้วย
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 13-14 ม.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-19 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 15-18 ม.ค. อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 18-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-29 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
- สัปดาห์นี้อากาศจะหนาวเย็น โดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรดูแลรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย โดยเฉพาะโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ รวมทั้งควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรค ได้ง่าย
- ช่วงนี้สภาพอากาศแห้งและน้ำระเหยมาก เกษตรกรควรสงวนความชื้นในดิน โดยคลุมดินรอบโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ฟางข้าว หรือหญ้าแห้ง
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 13-14 ม.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 18-20 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 15-18 ม.ค. อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 19-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
- สัปดาห์นี้สภาพอากาศแห้งและน้ำระเหยมาก ไม้ผลที่ดอกบานและติดผลแล้ว ชาวสวนควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งกำจัดวัชพืชภายในสวน เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากไม้ผล นอกจากนี้ควรป้องกันกำจัดศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยไว้ด้วย และควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีในการกำจัดศัตรูพืช เพราะจะส่งผลต่อแมลงที่ช่วยผสมเกสร
- เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัดโดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆ แต่บ่อยๆครั้ง และควรให้น้ำพืชในช่วงเย็น เพื่อลดการระเหยของน้ำ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร
- สัปดาห์นี้ภาคใต้ตอนบนมีอากาศแห้ง เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชไร่ และพืชผัก ที่กำลังเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งคลุมดินบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว หรือหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำและรักษาความชื้นในดิน
- ส่วนทางตอนล่างของภาคยังมีฝนตกต่อเนื่องทำให้ความชื้นในดินมีอยู่มาก ชาวสวนไม้ผลควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้พืชเสียหาย ผลผลิดลดลง
- อนึ่ง บริเวณอ่าวไทยตอนล่าง จะมีคลื่นลมแรงโดยจะมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร ตลอดช่วง ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
- สัปดาห์นี้มีอากาศแห้ง เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชไร่ และพืชผัก ที่กำลังเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งคลุมดินบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว หรือหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำและรักษาความชื้นในดิน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74