ระหว่าง 28 มกราคม 2558 - 03 กุมภาพันธ์ 2558
ภาคเหนือ
ในวันที่ 28 - 30 ม.ค. มีหมอกในตอนเช้า กับมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ ตอนบนของภาค อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียสส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ในช่วงวันที่ 31 ม.ค. - 3 ก.พ. อุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 9-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
- ในระยะนี้ทางตอนบนของภาคยังคงมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้า เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ สำหรับอุณหภูมิที่แตกต่างกันมาก ระหว่างกลางวันและกลางคืน เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- สำหรับช่วงนี้จะมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ เกษตรกรควรเพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนน โดยเฉพาะรถที่ใช้ในการเกษตร หากมีความจำเป็นต้องขับขี่ในถนนหลวงควรตรวจสอบสัญญานไฟหน้าและไฟท้ายให้มองเห็นได้ชัดเจนเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
- สภาพอากาศที่แห้งเกษตรกรไม่ควรเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพราะไฟอาจจะลุกลามทำให้เกิดอัคคีภัยและไฟป่าได้ และควันไฟจากการเผาไหม้จะทำให้ทัศนวิสัยลดลง และเกิดเป็นมลพิษทางอากาศ
- สำหรับสภาพอากาศที่มีหมอกและน้ำค้างในตอนเช้า เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคราน้ำค้างในพืชผัก ไม้ดอก และราสนิมในกาแฟ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 28 - 29 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า กับมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 30 ม.ค. - 3 ก.พ. อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 14-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
- ในระยะนี้สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง โดยกลางคืนอากาศเย็นส่วนกลางวันอากาศร้อน ร่างกายอาจปรับตัวไม่ทันทำให้เจ็บป่วยได้ง่าย เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- ระยะนี้จะมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ เกษตรกรควรขับขี่ยานพาหนะด้วยความระมัดระวังเพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ
- เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่นเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ในพืชไร่และไม้ผล ซึ่งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ต้นพืชทรุดโทรม
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 28 - 30 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 31 ม.ค. - 2 ก.พ. มีฝนเล็กน้อยบางแห่งทางตอนล่างของภาคในระยะแรก และอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าอุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- ระยะนี้จะมีหมอกในตอนเช้า กับมีหมอกหนาในบางพื้นที่ เกษตรกรควรใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะขณะหมอกลงจัด โดยเฉพาะรถที่ใช้ทางด้านการเกษตร หากมีความจำเป็นต้องวิ่งบนถนนหลวงขณะหมอกลงจัดควรดูแลไฟหน้าและไฟท้ายให้สามมารถมองเห็นได้ในระยะไกล เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน
- ระยะนี้สภาพอากาศจะแตกต่างกันมากระหว่างกลางวันและกลางคืน โดยกลางวันอากาศร้อนส่วนกลางคืนอากาศเย็น ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- ในช่วงที่มีหมอกจะทำให้การระบาดของโรคราดำในมะม่วงเพิ่มมากขึ้น ชาวสวนควรหมั่นสำรวจ หากพบการระบาดของโรคดังกล่าวควรฉีดพ่นด้วยน้ำหรือน้ำส้มควันไม้จะทำให้การระบาดลดลง
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 28 - 30 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ในช่วงวันที่ 31 ม.ค. - 3 ก.พ. ตอนบนของภาคมีอากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า ส่วนบริเวณชายฝั่งมีเมฆบางส่วน กับมีฝนเล็กน้อยบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
- ช่วงนี้อากาศแห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่ และพืชผัก ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นทรุดโทรมผลผลิตเสียหายได้และเกษตรกรควรวางแผนการจัดการน้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ทางด้านการเกษตรในช่วงแล้ง
- สำหรับไม้ผล เช่น มะม่วง ที่อยู่ในระยะออกดอกและติดผลแล้ว ชาวสวนควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งกำจัดวัชพืชภายในสวน เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากไม้ผล
- ส่วนชาวสวนยางพาราควรทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 28 - 30 ม.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า และมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตรส่วนในช่วงวันที่ 31 ม.ค. - 3 ก.พ. มีเมฆบางส่วน กับมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตรส่วนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
- ในระยะนี้ภาคใต้ยังคงมีสภาพอากาศแห้ง เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชไร่ และพืชผัก ที่กำลังเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่และพืชสวน ซึ่งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชเสียหาย
- สำหรับปริมาณน้ำที่ระเหยจะมีมากในระยะนี้ ชาวสวนผลไม้ควรคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
- ส่วนชาวสวนมะพร้าวควรระวังการระบาดของ หนอนหัวดำ แมลงดำหนาม และด้วงแรด ซึ่งมักระบาดในฤดูแล้ง โดยหมั่นสำรวจสภาพสวน หากพบการระบาด ควรรีบป้องกันและกำจัดก่อนระบาดเป็นบริเวณกว้าง
- อนึ่ง ในช่วงวันที่ 31 ม.ค. - 3 ก.พ. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป จะมีกำลังแรงขึ้นโดยจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 28 - 30 ม.ค. มีเมฆบางส่วน กับมีหมอกบางในตอนเช้าส่วนในช่วงวันที่ 31 ม.ค. - 3 ก.พ. มีเมฆบางส่วน กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร
- ในระยะนี้ภาคใต้ยังคงมีสภาพอากาศแห้ง เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชไร่ และพืชผัก ที่กำลังเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่และพืชสวน ซึ่งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชเสียหาย
- สำหรับปริมาณน้ำที่ระเหยจะมีมากในระยะนี้ ชาวสวนผลไม้ควรคลุมบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74