พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 16 กุมภาพันธ์ 2558 - 22 กุมภาพันธ์ 2558

ข่าวทั่วไป Monday February 16, 2015 16:05 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 16 กุมภาพันธ์ 2558 - 22 กุมภาพันธ์ 2558

ภาคเหนือ

อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้าตลอดช่วง อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งส่วนมากทางตอนล่างของภาค ตอนบนของภาคอุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ตอนล่างของภาคอุณหภูมิต่ำสุด 17-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • สัปดาห์นี้ยังคงมีอากาศหนาวเย็นโดยทั่วไป เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สภาพอากาศที่มีหมอกและน้ำค้างในตอนเช้า เกษตรกร ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะ ราน้ำค้าง และใบจุด ในพืชไร่ และพืชผักสวนครัว ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย ผลผลิตด้อยคุณภาพ รวมทั้งใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง ขณะสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา

-สำหรับฝนแล้งในระยะนี้ ชาวสวนลิ้นจี่ และลำไย ที่อยู่ในระยะออกดอกและติดผลอ่อน ควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งป้องกันกำจัด มวนลำไย และหนอนเจาะกิ่งลำต้น ซึ่งจะทำให้ต้นพืชทรุดโทรมผลผลิดด้อยคุณภาพ

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 16-18 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-13 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 19-23 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูมีอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • สัปดาห์นี้เป็นช่วงเปลี่ยนฤดูกาลจากฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูร้อน อากาศจะเปลี่ยนแปลง เกษตรกรควร รักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ป้องกันสัตว์ปรับตัวไม่ทัน อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • สำหรับปริมาณฝนที่ตกมีน้อยประกอบกับปริมาณน้ำระเหยมีมาก ทำให้ความชื้นในดินลดลง เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน และรักษาความชื้นภายในดิน

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 16-18 ก.พ. มีอากาศเย็นและมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 19-23 ก.พ. มีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • สัปดาห์นี้อากาศจะเปลี่ยนแปลงทางตอนบนของภาค โดยตอนเช้าอากาศเย็นส่วนกลางวันอากาศร้อนเกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • สำหรับฝนที่ตกในระยะนี้ ปริมาณและการกระจายยังไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมเพื่อป้องกันต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง
  • สำหรับอากาศแห้งน้ำระเหยมีมาก ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยง ควรดูแลปริมาณน้ำให้สมดุลกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยง หากขาดความสมดุลจะทำให้สัตว์น้ำอยู่กันอย่างแออัด ส่งผลให้สัตว์น้ำอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 16-18 ก.พ. มีอากาศเย็นและมีหมอกบางในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 19-23 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • สำหรับฝนที่ตกในระยะนี้ ปริมาณและการกระจายยังไม่เพียงพอกับความต้องการของไม้ผลที่อยู่ในระยะติดผลอ่อน และเจริญเติบโตทางผล เกษตรกรควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งกำจัดวัชพืชภายในสวน เพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากไม้ผล ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ
  • นอกจากนี้เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงแล้ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 16-18 ก.พ. มีเมฆบางส่วน กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 19-23 ก.พ. มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • สัปดาห์นี้ภาคใต้ยังคงมีฝนน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง รวมทั้งคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน และรักษาความชื้นภายในดิน
  • เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นฤดูร้อนปริมาณและการกระจายของฝนจะมีน้อย เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 16-17 ก.พ. มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • สัปดาห์นี้ภาคใต้ยังคงมีฝนน้อย เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง รวมทั้งคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน และรักษาความชื้นภายในดิน
  • เนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นฤดูร้อนปริมาณและการกระจายของฝนจะมีน้อย เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ