ระหว่าง 11 มีนาคม 2558 - 17 มีนาคม 2558
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 11-12 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 15-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ บริเวณตอนล่างของภาค ในช่วงวันที่ 13-17 มี.ค. อากาศร้อนถึงร้อนจัด กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 17-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-40 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.
-ระยะนี้จะมีอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก รวมทั้งจัดหาน้ำให้แก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียดและเจ็บป่วย นอกจากนี้ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคที่จะเกิดในฤดูร้อนให้กับสัตว์ด้วย
- สภาพอากาศที่แห้งในระยะนี้ เกษตรกรไม่ควรเผาตอซางข้าวหรือวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพราะอาจลุกลามทำให้เกิดอัคคีภัยและไฟป่าได้ และควันไฟจากการเผาไหม้จะทำให้ทัศนวิสัยลดลง และเกิดเป็นมลพิษทางอากาศ
- ในช่วงวันที่ 11-12 มี.ค. ทางด้านตะวันออกของภาคจะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ได้บางพื้นที่เกษตรกรควรระวังป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ในระยะนี้ไว้ด้วย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 11-12 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางด้านตะวันตกและตอนบนของภาค ส่วนในช่วง 13-17 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตอนล่างของภาคลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
- ในช่วงวันที่ 11-12 มี.ค. ทางตอนบนของภาคจะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง ได้บางพื้นที่ เกษตรกรควรป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น โดยซ่อมแซมอาคารบ้านเรือน สิ่งปลูกสร้าง โรงเรือนเลี้ยงสัตว์ ให้แข็งแรงและควรหลีกเลี่ยงปล่อยสัตว์เลี้ยงไว้ในที่โล่งแจ้งขณะที่มีฝนฟ้าคะนอง
- เนื่องจากปริมาณน้ำระเหยมีมาก เกษตรกรควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่นใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวหน้าดิน รักษาความชื้นภายในดิน
- ระยะนี้ในตอนกลางวันมีอากาศร้อน เกษตรกรที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานาน ควรสวมเสื้อผ้าให้มิดชิด เพื่อป้องกันผิวหนังไหม้เกรียม และดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ และเป็นโรคลมแดด
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 11-13 มี.ค. อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 36-39 องศาเซลเซียส โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนในช่วง 14-17 มี.ค. อากาศร้อนถึงร้อนจัด กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-40 องศาเซลเซียส
- ระยะนี้จะมีอากาศร้อนและแห้ง เกษตรกรควรระวังและป้องกัน การระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ซึ่งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นทรุดโทรม ผลผลิตเสียหาย
- สำหรับสภาพอากาศที่ร้อนในตอนกลางวัน ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ควรดูแลโรงเรือนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก รวมทั้งจัดหาน้ำให้แก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียดและเจ็บป่วย
- เนื่องจากระยะนี้มีแสงแดดจัด อากาศร้อน เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานานหากมีความจำเป็นควรสวมใส่เสื้อผ้าให้มิดชิด และดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันโรคลมแดด
ภาคตะวันออก
อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 11-13 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนในช่วงวันที่ 14-17 มี.ค. มีฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
- เนื่องจากสภาพอากาศที่ร้อนและแห้งในระยะนี้ เกษตรกรที่ปลูกไม้ผลควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ โดยเฉพาะเพลี้ยแป้งในเงาะ เพลี้ยไฟในมังคุด และเพลี้ยไก่แจ้ในทุเรียน ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชทรุดโทรม
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยง ควรดูแลปริมาณน้ำ และจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยงให้เหมาะสม หากปริมาณน้ำมีน้อยจะทำให้สัตว์น้ำอยู่กันหนาแน่นเกินไป จนทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
มีเมฆบางส่วน กับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 11-12 มี.ค. ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. อ่าวไทยตอนบนตั้งแต่จังหวัด สุราษฎร์ธานีขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 13-17 มี.ค. ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
- ระยะนี้สภาพอากาศแห้ง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชที่ปลูกอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชเหี่ยวเฉา ถ้าขาดน้ำเป็นเวลานานจะทำให้พืชเหี่ยวเฉาถาวร และต้นตายได้ รวมทั้งคลุมโคนต้นด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อสงวนความชื้นในดิน
- เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรที่ปลูกไม้ผล ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชทรุดโทรม ส่งผลต่อการออกดอกและติดผลของพืชลดลง
- เนื่องจากระยะนี้เป็นช่วงแล้ง เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
มีเมฆบางส่วนกับมีอากาศร้อนในตอนกลางวัน และมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
- ระยะนี้สภาพอากาศแห้ง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชที่ปลูกอย่างเพียงพอ เพราะหากขาดน้ำจะทำให้พืชเหี่ยวเฉา ถ้าขาดน้ำเป็นเวลานานจะทำให้พืชเหี่ยวเฉาถาวร และต้นตายได้ รวมทั้งคลุมโคนต้นด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อสงวนความชื้นในดิน
- เนื่องจากสภาพอากาศที่แห้ง เกษตรกรที่ปลูกไม้ผล ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชทรุดโทรม ส่งผลต่อการออกดอกและติดผลของพืชลดลง
- เนื่องจากระยะนี้เป็นช่วงแล้ง เกษตรกรควรใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด และวางแผนการใช้น้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อจะได้มีน้ำใช้ตลอดช่วงแล้ง
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74