พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 22 กรกฎาคม 2558 - 28 กรกฎาคม 2558

ข่าวทั่วไป Wednesday July 22, 2015 15:43 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 22 กรกฎาคม 2558 - 28 กรกฎาคม 2558

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 23-25 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนบนและตะวันตกของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 26-28 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70ของพื้นที่ และมีฝนหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • ระยะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง สภาพอากาศ มีความชื้นสูง เกษตรกรที่ปลูกพืชไร่และพืชตระกูลถั่วในระยะนี้ควรป้องกันการระบาดของโรคที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบจุด โรคราสนิม และโรคเน่าคอดิน รวมทั้งป้องกันระบาด ของศัตรูพืชจำพวกหนอน เช่น หนอนกออ้อย หนอนกระทู้ และหนอนชอนใบ เป็นต้น
  • ส่วนลำไยที่อยู่ในระยะผลแก่ใกล้เก็บเกี่ยว ชาวสวนควรหมั่นสำรวจหากพบผลที่เน่าเสีย หรือแมลงเข้าทำลาย ควรปลิดออกและนำไปกำจัดเพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ไปยังผลอื่นๆ
  • ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังฝนสาด ดูแลพื้นคอกอย่าให้ชื้นแฉะ หลังคาโรงเรือนอย่าให้รั่วซึม เพื่อป้องกันสัตว์เปียกชื้นจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 23-25 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตอนบนและตะวันออกของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 26-28 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนหนักบางแห่งส่วนมากทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • ระยะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่องโดยเฉพราะทางตอนบนของภาค สภาพอากาศ มีความชื้นสูง สวนยางพาราควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา และไม่ควรกรีดยางขณะที่ต้นยางเปียกอยู่ เพราะอาจเกิดโรคเส้นดำ รวมทั้งทาหน้ากรีดยางด้วยสารป้องกันเชื้อรา
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ควรดูแลโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่ให้อับชื้น จะทำให้สัตว์อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะ เพื่อป้องกันโรคปากและเท้าเปื่อยในสัตว์เท้ากีบ

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 23-25 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ส่วนมากทางด้านตะวันตกของภาค ส่วนในช่วงวันที่ 26-28 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

  • ระยะนี้แม้จะมีฝน แต่ปริมาณและการกระจาย ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติม และควรให้น้ำอย่างประหยัด โดยให้น้ำเฉพาะบริเวณทรงพุ่ม หรือใช้วิธีน้ำหยด รวมทั้งคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืช ด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน และรักษาความชื้นในดิน
  • ส่วนผู้ที่ปลูกพืชไร่ และพืชผักในระยะนี้ควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ต้นชงักการเจริญเติบโตผลผลิตลดลง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 23-25 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ส่วนในช่วงวันที่ 26-28 ก.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

  • ระยะนี้ยังคงมีฝนตกต่อเนื่อง พื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม เกษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำขังในแปลงปลูก อาจทำให้พืชเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อราได้
  • สำหรับสวนยางพารา และสวนไม้ผลชาวสวนควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งมักระบาดในช่วงที่มีความชื้นสูง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

  • ระยะนี้ยังคงมีฝนตก ทำให้ความชื้นในอากาศสูงชาวสวนไม้ผล และสวนยางพารา ควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก ป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
  • ส่วนผู้ที่ปลูกพืชผักในระยะนี้ควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ต้นชงักการเจริญเติบโตผลผลิตลดลง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส

  • ระยะนี้ยังคงมีฝนตก ทำให้ความชื้นในอากาศสูงชาวสวนไม้ผล และสวนยางพารา ควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก ป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
  • ส่วนผู้ที่ปลูกพืชผักในระยะนี้ควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะกัดกินส่วนที่อ่อนของพืช ทำให้ต้นชงักการเจริญเติบโตผลผลิตลดลง

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ