ระหว่าง 21 สิงหาคม 2558 - 27 สิงหาคม 2558
ภาคเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-36 องศาเซลเซียสลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
- ช่วงนี้ยังคงมีฝนตกหนัก เกษตรกรในพื้นทีเสี่ยงภัย ควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพืชผลทางการเกษตร
- เนื่องจากช่วงนี้มีฝนตกตลอดช่วง ทำให้ดินและอากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังมิให้พื้นที่การเกษตรมีน้ำท่วมขัง เพราะอาจทำให้เกิดโรคพืชเชื้อรา เช่น โรครากเน่าและโคนเน่า ในพืชผัก หากพบต้นใดเป็นโรคควรถอนทิ้งไปทำลาย เพื่อมิให้โรคแพร่ไปยังต้นอื่น
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลและซ่อมแซมหลังคาโรงเรือนอย่าให้มีรอยรั่ว และทำแผงกำบังฝนสาดให้แก่สัตว์ที่ยังเล็กด้วย เพื่อป้องกันสัตว์ป่วย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
- ในช่วงที่มีฝนตกหนัก ในบางพื้นที่อาจมีน้ำขัง เกษตรกรควรหลีก เลี่ยงการย่ำน้ำที่สกปรก หากมีความจำเป็นต้องเดินลุยน้ำควรสวมรองเท้าบูท เพื่อป้องกันโรคฉี่หนู
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่ชื้นแฉะเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย โดย เฉพาะสัตว์เท้ากีบอาจเป็นโรคปากและเท้าเปื่อยได้
- ในพื้นที่ ที่มีฝนตกติดต่อกันทำให้อากาศมีความชื้นสูง เกษตรกรควรระวังการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อราในข้าวนาปี เช่น โรคไหม้ โรคใบขีดโปร่งแสง และโรคขอบใบแห้ง เป็นต้น ซึ่งจะทำให้ต้นข้าวชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง เกษตรกรควรหมั่นสำรวจแปลงนา หากพบควรรีบกำจัด
ภาคกลาง มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ตลอดช่วงอุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- ช่วงนี้แม้จะมีฝนตก แต่ปริมาณฝนที่ตกยังมีน้อย เกษตรกรควรดูแลพืชไร่และข้าวนาปีที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตให้ได้รับน้ำอย่างเพียงพอ นอกจากนี้ควรป้องกันกำจัดแมลงศัตรูพืชจำพวกปากดูดที่อาจเข้าทำลายพืชด้วย
- สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้โล่ง อากาศถ่ายเทสะดวก หากโรงเรือนอับชื้น จะทำให้สัตว์อ่อนแอและเจ็บป่วยได้
ภาคตะวันออก ในช่วงวันที่ 21-24 ส.ค.มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 25-27 ส.ค.มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 24-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส
- ในช่วงที่มีฝนตกชุก พื้นที่การเกษตรที่อยู่ในที่ลุ่ม กษตรกรควรจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำขังในพื้นที่เพาะปลูก และโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะผู้ที่ปลูกพริกไทยไม่ควรปล่อยให้มีน้ำขังในพื้นที่เพาะปลูก เพราะอาจมีโรครากเน่า เข้าทำลาย หากพบโรคดังกล่าวควรรีบกำจัด เพื่อไม่ให้เชื้อโรคแพร่ไปยังต้นอื่นๆ
- ส่วนชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคใบยางร่วงลูกยางเน่า และโรคหน้ากรีดยาง เป็นต้น โดยดูแลสวนให้โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน
- สำหรับผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยง ควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ป้องกันสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 21-24 ส.ค.มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 25-27 ส.ค.มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-37 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร
- สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล เกษตรกรควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะเจาะและกัดกินผล ทำให้ผลเสียหาย ผลผลิตด้อยคุณภาพ ส่วนสวนไม้ผลที่เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว เกษตรกรควรตัดแต่งกิ่ง ให้เป็นทรงพุ่มโปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา รวมทั้งเก็บผลที่ ร่วงหล่นบริเวณโคนต้นไปทำลาย เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของโรคและแมลงศัตรูพืช
- ในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกัน ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยง ควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน และหากโตได้ขนาดควรรีบจับขายเพื่อป้องกันความเสี่ยง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 21-24 ส.ค.มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-40 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง มากกว่า 3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 25-27 ส.ค.มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง มากกว่า 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-32 องศาเซลเซียส
- สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล เกษตรกรควรระวังและป้องกันศัตรูพืชจำพวกหนอน ซึ่งจะเจาะและกัดกินผล ทำให้ผลเสียหาย ผลผลิตด้อยคุณภาพ ส่วนสวนไม้ผลที่เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว เกษตรกรควรตัดแต่งกิ่ง ให้เป็นทรงพุ่มโปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา รวมทั้งเก็บผลที่ ร่วงหล่นบริเวณโคนต้นไปทำลาย เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งสะสมของโรคและแมลงศัตรูพืช
- ในช่วงที่มีฝนตกติดต่อกัน ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำในบ่อเลี้ยง ควรดูแลสภาพน้ำอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์น้ำปรับตัวไม่ทัน และหากโตได้ขนาดควรรีบจับขายเพื่อป้องกันความเสี่ยง
- อนึ่งช่วงนี้บริเวณทะเลอันดามันจะมี คลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจะมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74