พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่างวันที่ 04 ธันวาคม 2558 - 10 ธันวาคม 2558

ข่าวทั่วไป Friday December 4, 2015 14:13 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 04 ธันวาคม 2558 - 10 ธันวาคม 2558

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 4-5 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงและลูกเห็บตกบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-12 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 6-8 ธ.ค. อากาศเย็นถึงหนาว และอุณหภูมิจะลดลง 3-5 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 9-10 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย กับมีหมอกในตอนเช้า

  • ในช่วงวันที่ 4-5 ธ.ค. เกษรกรควรระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรง
  • ในช่วงที่อุณหภูมิลดลง เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย เนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น และควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังจากจุดไฟให้ความอบอุ่น
  • สำหรับไม้ผล เช่น ลิ้นจี่ ชาวสวนควรระวังและป้องกันผลกระทบเนื่องจากฝนที่จะตกในระยะนี้ เพราะจะทำให้ต้นที่อยู่ระยะพักตัวเตรียมออกดอก เมื่อได้รับน้ำฝนที่ตกจะแตกใบอ่อนแทนการออกดอก

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 4-5 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 6-8 ธ.ค. อากาศเย็น และอุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส หลังจากนั้นในช่วงวันที่ 9-10 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย กับมีหมอกในตอนเช้า

  • ระยะนี้สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และจัดเตรียมอุปกรณ์กันหนาวเพื่อเพิ่มความอบอุ่นให้กับสัตว์เลี้ยง รวมทั้งทำแผงกำบังลมหนาว และเพิ่มความอบอุ่นในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์
  • เนื่องจากสภาพอากาศแห้ง สำหรับมะม่วงที่กำลัง ออกดอก ชาวสวนควรระวังป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยจักจั่นและหนอนกิน ช่อดอก ซึ่งทำให้ช่อดอกเสียหาย การติดผลลดลง ดังนั้นชาวสวนควรหมั่นสำรวจ หากพบควรรีบกำจัด

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 4-5 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 6-8 ธ.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. หลังจากนั้นช่วงวันที่ 9-10 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย กับมีหมอกบางในตอนเช้า

  • ระยะนี้สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรดูแลสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย รวมทั้งควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย
  • สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชหลังการเก็บเกี่ยวข้าวนาปีในระยะนี้ควรเลือกปลูกพืชที่มีอายุการเก็บเกี่ยวสั้นและใช้น้ำน้อย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 4-5 และ 9-10 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 6-8 ธ.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

  • ระยะนี้จะมีฝนตกและอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย สำหรับ ไม้ผล เช่น ทุเรียน ซึ่งแทงช่อดอกแล้ว ชาวสวนควรควบคุมปริมาณน้ำที่จะให้ โดยค่อยๆ เพิ่มปริมาณน้ำขึ้นเรื่อยๆ เพื่อให้ดอกมีพัฒนาการที่ดี ช่วยให้มีการติดผลดีขึ้น นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ดอกร่วงหล่น การติดผลลดลง
  • ส่วนผู้ที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรเลือกปลูกพืชที่ใช้น้ำน้อย อายุการเก็บเกี่ยวสั้น และวางแผนการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 4-5 และ 9-10 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 6-8 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

  • ในช่วงวันที่ 6-8 ธ.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันออกยังคงมีฝนตกหนัก เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพื้นที่การเกษตร โดยจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำขังบริเวณแปลงปลูก
  • สำหรับชาวสวนผลไม้ควรระวังและป้องกันการระบาด ของศัตรูพืชจำพวกหนอนชนิดต่างๆ ซึ่งจะกัดกิน ทำให้ยอดและใบอ่อนเสียหายได้
  • ในช่วงวันที่ 6-8 ธ.ค. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

*สำหรับชาวสวนผลไม้ควรระวังและป้องกันการระบาด ของศัตรูพืชจำพวกหนอนชนิดต่างๆ ซึ่งจะกัดกิน ทำให้ยอดและใบอ่อนเสียหายได้

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ