พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 21 ธันวาคม 2558 - 27 ธันวาคม 2558

ข่าวทั่วไป Monday December 21, 2015 14:04 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 21 ธันวาคม 2558 - 27 ธันวาคม 2558

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 21-24 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 14-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 25-27 ธ.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า โดยมีฝนบางแห่งร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

  • ในช่วงวันที่ 21-24 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นกับมีหมอกและหมอกหนาในตอนเช้า ผู้ที่สัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกหนา ควรเพิ่มความระมัดระวังอันตรายไว้ด้วย
  • ระยะนี้อุณหภูมิจะสูงขึ้น แต่ยังคงมีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ตนเอง และสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังจากจุดไฟให้ความอบอุ่น เพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย
  • เนื่องจากระยะนี้มีฝนตกน้อย และอากาศแห้ง เกษตรกรที่ปลูกพืช เช่น ไม้ดอกไม้ประดับ พืชผักและพืชไร่ชนิดต่างๆ ควรจัดหาน้ำให้แก่พืชเพิ่มเติม รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรชนิดต่างๆด้วย

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในวันที่ 21-25 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ในวันที่ 26-27 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-3 องศาเซลเซียส อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 15-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-31 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.

  • ในช่วงวันที่ 26-27 ธ.ค. อุณหภูมิจะลดลงกับมีอากาศเย็นและมีลมแรง เกษตรกรควรดูแลสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนและทำแผงกำบังลมหนาวให้แก่สัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก เพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็น จนอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย และไม่ควรปล่อยให้สัตว์เลี้ยงอยู่ในที่โล่งแจ้งตอนกลางคืน เพราะอาจทำให้สัตว์ที่ไม่แข็งแรงป่วยและตายได้
  • ช่วงที่มีอุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็วส่งผลให้อุณหภูมิน้ำเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ผู้ที่เลี้ยงปลาควรเปิดเครื่องตีน้ำเพื่อปรับอุณหภูมิน้ำและเป็นการเพิ่มออกซิเจน รวมทั้งลดอาหารให้น้อยลง เพราะปลาจะกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้ น้ำเน่าเสียได้ ส่งผลให้ปลาอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 21-26 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศา กับมีหมอกในตอนเช้า โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 22-23 ธ.ค. มีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. หลังจากนั้น อุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย

  • ระยะนี้มีอากาศเย็นในตอนเช้า เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ตนเอง และสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • เนื่องจากระยะนี้แม้จะมีฝนตกแต่ปริมาณน้อย ประกอบกับสภาพอากาศแห้ง ทำให้น้ำระเหยไปจากดินและพืชได้มาก เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชที่ปลูกเพิ่มเติม โดยเฉพาะพืชที่มีระบบรากตื้น เช่น ไม้ดอกและพืชผักชนิดต่างๆ และคลุมดินบริเวณโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เพื่อลดการระเหยของน้ำและรักษาความชื้นในดิน

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 21-27 ธ.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 1-2 องศาเซลเซียส กับมีหมอกบางในตอนเช้า โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 22-23 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

*ระยะนี้จะมีฝนตกน้อย สำหรับไม้ผลที่ออกดอกแล้ว เช่น มะม่วง ชาวสวนควรให้น้ำแก่พืช โดยเริ่มจากปริมาณน้อยๆแล้วค่อยเพิ่มปริมาณขึ้น นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ดอกร่วงหล่น การติดผลลดลง

  • ในช่วงวันที่ 22-24 ธ.ค. คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยจะมีกำลังแรง ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2-3 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 22-24 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจายถึงเกือบทั่วไป ร้อยละ 60-70 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 25-27 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส

  • ในช่วงวันที่ 22-24 ธ.ค. ภาคใต้ฝั่งตะวันออกจะมีฝนตกหนักถึงหนักมากในบางพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ เกษตรกรควรระวังอันตรายและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับพื้นที่การเกษตร โดยจัดระบบระบายน้ำในแปลงปลูกอย่าให้น้ำท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนาน เพราะจะทำให้รากพืชขาดอากาศ ต้นพืชตายได้
  • สำหรับบริเวณที่มีฝนตกต่อเนื่อง สภาพอากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนยางพารา ไม้ผล และกาแฟ ควรระวังและป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย ผลผลิตลดลง โดยหมั่นกำจัดวัชพืชภายในสวนให้โล่งเตียน เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ลดความชื้นภายในสวน
  • ในช่วงวันที่ 22-24 ธ.ค. บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรง ทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ผู้เลี้ยงสัตว์น้ำชายฝั่งควรระวังและป้องกันความเสียหายจากคลื่นลมแรง ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 22-23 ธ.ค.

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 22-25 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 26-27 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

  • สำหรับบริเวณที่มีฝนตกต่อเนื่อง สภาพอากาศมีความชื้นสูง ชาวสวนยางพารา ไม้ผล และกาแฟ ควรระวังและป้องกันโรคที่เกิดจากเชื้อรา ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย ผลผลิตลดลง โดยหมั่นกำจัดวัชพืชภายในสวนให้โล่งเตียน เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก ลดความชื้นภายในสวน

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ