ระหว่าง 06 มกราคม 2559 - 12 มกราคม 2559
ภาคเหนือ
การคาดการณ์ฝน ในช่วงวันที่ 9-12 ม.ค. จะมีฝนบางแห่ง
การคาดการณ์อุณหภูมิ ในช่วงวันที่ 6 - 8 ม.ค. ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-13 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส ทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-11 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 9 - 12 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาว อุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 11-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-10 องศาเซลเซียส
ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาบริเวณโดยทั่วไปมีปริมาณฝนน้อยกว่าค่าการคายระเหยน้ำป็นส่วนใหญ่ โดยค่าสมดุลน้ำอยู่ระหว่าง (-10) ถึง (-30) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้าจะมีฝนเล็กน้อย ซึ่งจะทำให้สมดุลน้ำมีค่าน้อยลง ทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลงเรื่อยๆ จนอาจส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืช เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันพืชชะงักการเจริญเติบโต ซึ่งจะทำให้ผลผลิตลดลง และด้อยคุณภาพ พร้อมทั้งควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน สำหรับสมดุลน้ำที่ลดลงจะส่งผลดีต่อไม้ผลที่อยู่ในระยะเตรียมแทงช่อดอก เช่น ลิ้นจี่และลำไย หากมีความหนาวเย็นต่อเนื่องและยาวนาน จะทำให้พืชแตกตาดอกได้ดีในระยะต่อไป
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
การคาดการณ์ฝน ในช่วงวันที่ 10 - 12 ม.ค. จะมีฝนบางแห่ง
การคาดการณ์อุณหภูมิ ในช่วงวันที่ 6-9 ม.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 16-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 10 - 12 ม.ค. อากาศเย็น และอุณหภูมิจะลดลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 15-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 9-16 องศาเซลเซียส
ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา มีปริมาณฝนน้อยกว่าค่าการคายระเหยน้ำป็นส่วนใหญ่ โดยค่าสมดุลน้ำอยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-30) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้า จะมีฝนบางแห่ง ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลงเรื่อยๆ จนส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืช ดังนั้นเกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติม โดยเฉพาะพืชผักและไม้ดอกที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตและให้ผลผลิต เพื่อป้องกันพืชชะงักการเจริญเติบโตและผลผลิตด้อยคุณภาพ ซึ่งจะส่งผลให้ผลผลิตลดลง นอกจากนี้ควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
ภาคกลาง
การคาดการณ์ฝน ในช่วงวันที่ 10 - 12 ม.ค. จะมีฝนบางแห่ง
การคาดการณ์อุณหภูมิ ในช่วงวันที่ 6-9 ม.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 19-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-33 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 10-12 ม.ค. อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 21-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส
ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมามีปริมาณฝนที่ตกน้อยกว่าค่าการคายระเหยน้ำของพืช โดยมีค่าสมดุลน้ำอยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-30) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้า จะมีฝนบางแห่ง ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลงเรื่อยๆ จนส่งผลกระทบต่อการเจริญเติบโตของพืช ดังนั้นเกษตรกรควรวางแผนการให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม และใช้น้ำอย่างประหยัด โดยให้น้ำเฉพาะบริเวณทรงพุ่ม หรือวิธีน้ำหยด รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช นอกจากนี้ควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
ภาคตะวันออก
การคาดการณ์ฝน ในช่วงวันที่ 6-9 ม.ค. จะมีฝนบางแห่ง
การคาดการณ์อุณหภูมิ ในช่วงวันที่ 6-9 ม.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 10 - 12 ม.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส
ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมีค่าสมดุลน้ำอยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-30) มม. ซึ่งค่าการคายระเหยน้ำของพืชมีมากกว่าปริมาณฝนที่ตก ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้า แม้จะมีฝนตกแต่มีปริมาณน้อย ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลงเรื่อยๆ เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติม โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอก หากขาดน้ำจะทำให้ดอกร่วงหล่น การติดผลลดลง รวมทั้งระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่นเพลี้ยไฟในทุเรียนและมังคุดซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยง ทำให้ผลผลิตลดลงและเสียหาย
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
การคาดการณ์ฝน ในช่วงวันที่ 6 – 12 ม.ค. 59 จะมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ
การคาดการณ์อุณหภูมิ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา สมดุลน้ำมีค่าอยู่ระหว่าง (-10) ถึง (-30) มม.เป็นส่วนใหญ่ สำหรับในช่วง 7 วันข้างหน้า จะมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ เกษตรกรควรพิจจารณาให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช และควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
การคาดการณ์ฝน ในช่วงวันที่ 6 – 12 ม.ค. 59 จะมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ
การคาดการณ์อุณหภูมิ อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
ผลกระทบด้านการเกษตร ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาสมดุลน้ำมีค่าอยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-30) มม. เป็นส่วนใหญ่ ส่วนในช่วง 7 วันข้างหน้า จะมีฝนบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ เกษตรกรควรพิจจารณาให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะพืชที่อยู่ในระยะเจริญเติบโต หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช และควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
สมดุลน้ำ คือ ปริมาณฝน – ปริมาณการคายระเหยน้ำของพืช, การคายระเหยน้ำ คือ น้ำระเหย + การคายน้ำของพืช แผนที่สมดุลน้ำสามารถดาวน์โหลดได้ตามลิงค์ http://www.arcims.tmd.go.th/DailyDATA/PET7day.php สำหรับแผนที่สมดุลน้ำคิดที่สถานีตรวจอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ส่วนในบริเวณอื่นเป็นการประมาณค่า (Interpolation)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74