ระหว่าง 18 มกราคม 2559 - 24 มกราคม 2559
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 18 - 20 ม.ค. มีเมฆบางส่วน กับมีหมอกในตอนเช้า โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 11-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 21-22 ม.ค. อากาศเย็นอุณหภูมิจะสูงขึ้น ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 23-24 ม.ค. อากาศเย็นและมีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่
- สัปดาห์นี้ยังคงมีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ตนเอง และสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังจากจุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่น
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงปลาในกระชังควรดูแลปริมาณปลาให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำเพื่อไม่ให้ปลาอยู่อย่างแออัด จนทำให้อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งลดปริมาณอาหารเนื่องจากอุณหภูมิที่ต่ำจะทำให้ปลากินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 18-20 ม.ค. อากาศเย็น โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ส่วนมากทางตอนล่างภาค อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส ส่วนบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 10-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 21-22 ม.ค. อากาศเย็นอุณหภูมิจะสูงขึ้น ต่อจากนั้นในช่วงวันที่ 23-24 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ในระยะแรก หลังจากนั้นอุณหภูมิจะลดลง3-5 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
- ในช่วงปลายสัปดาห์สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และให้ความอบอุ่นอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- ในช่วง 23 – 24 ม.ค. จะมีฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวังอันตรายที่จะเกิดอาคารบ้านเรือน และผลผลิตทางการเกษตร ผลผลิตที่แก่ดีแล้วควรรีบเก็บเกี่ยว หากปล่อยทิ้งไว้อาจได้รับความเสียหายได้
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน ให้แก่สัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก เพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็น จนอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 18-21 ม.ค. มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 22-24 ม.ค. มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
- ในช่วงปลายสัปดาห์อากาศจะหนาวเย็นลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และให้ความอบอุ่นอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือน อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- สำหรับสภาพอากาศแห้งและน้ำระเหยมาก ไม้ผลที่ดอกบานและเริ่มติดผลแล้ว ชาวสวนควรให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ หากขาดน้ำจะทำให้ผลร่วงหล่นผลผลิตเสียหาย
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 18-22 ม.ค. มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 23-24 ม.ค. มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
- ในช่วงปลายสัปดาห์นี้อากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะทางตอนบนของภาค ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือน อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- สำหรับฝนที่ตกในระยะนี้ จะเป็นผลดีแก่พืชที่ขาดน้ำในระยะที่ผ่านมา แต่ก็ทำให้วัชพืชเติบโตได้ดี เกษตรกรควรกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช รวมทั้งกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงที่มีฝนตกน้อย ม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74