พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 22 มกราคม 2559 - 28 มกราคม 2559

ข่าวทั่วไป Friday January 22, 2016 15:12 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 22 มกราคม 2559 - 28 มกราคม 2559

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 22-26 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง และอุณหภูมิจะลดลง 6-10 องศาเซลเซียส อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 20-25 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 2-8 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ในช่วงวันที่ 27-28 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศหนาวกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 10-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 20-25 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอย อากาศหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 3-8 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้ยังคงมีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง และในช่วงวันที่ 23 – 28 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลงอย่างรวดเร็ว เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และให้ความอบอุ่นกับร่างกายอย่างเพียงพอเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ช่วงที่อุณหภูมิลดลงมาก จะทำให้อุณภูมิน้ำลดต่ำลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สัตว์น้ำโดยเฉพาะปลา ปรับตัวไม่ทันและน็อกน้ำตายได้ หากโตได้ขนาด ควรจับขายเพื่อลดความเสี่ยง นอกจากนี้ควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อปรับอุณหภูมิน้ำและเป็นการเพิ่มออกซิเจนในน้ำ รวมทั้งลดปริมาณอาหารลง เนื่องจากอุณหภูมิต่ำ ปลาจะกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ทำให้ปลาอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน ให้แก่สัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะสัตว์ปีก เพื่อป้องกันสัตว์หนาวเย็น จนอ่อนแอ และเป็นโรคได้ง่าย
  • ในช่วงวันที่ 24 – 27 ม.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวัง และป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สิน อาคารบ้านเรือน และพืชผลทางการเกษตร

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 22-23 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่งในช่วงวันที่ 24-25 ม.ค. อุณหภูมิจะลดลง 8-10 องศาเซลเซียส อากาศหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 8-15 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 16-20 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-8 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม.ในช่วงวันที่ 26-28 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาว กับมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 11-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 20-25 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภู อากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-10 องศาเซลเซียส ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้อากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และให้ความอบอุ่นกับร่างกายอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ในช่วง 22 – 23 ม.ค. และ 26 – 28 ม.ค. จะมีฝนฟ้าคะนอง กับลมกระโชกแรง เกษตรกรควรระวัง และป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สิน อาคารบ้านเรือน และพืชผลทางการเกษตร ผลผลิตที่แก่ดีแล้วควรรีบเก็บเกี่ยว หากปล่อยทิ้งไว้อาจได้รับความเสียหายได้
  • ช่วงที่อุณหภูมิลดลง กับมีลมแรง เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือน และตรวจสอบแผงกำบังลมหนาวของโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน ป้องกันลมโกรกโรงเรือน เพื่อไม่ให้สัตว์หนาวเย็น จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 22-24 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ในช่วงวันที่ 25-26 ม.ค. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิจะลดลง 6-8 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 20-25 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 26-28 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-27 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้อากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรง และให้ความอบอุ่นกับร่างกายอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือน อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • สำหรับฝนที่ตกในระยะนี้ จะเป็นผลดีแก่พืชที่ขาดน้ำในระยะที่ผ่านมา แต่ก็ทำให้วัชพืชเติบโตได้ดี เกษตรกรควรกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช รวมทั้งกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงที่มีฝนตกน้อย

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 22-23 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 20-40 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ในช่วงวันที่ 24-26 ม.ค. อากาศเย็นกับมีลมแรง โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ อุณหภูมิจะลดลง 6-8 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 20-25 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ในช่วงวันที่ 27-28 ม.ค. อุณหภูมิจะสูงขึ้นเล็กน้อย อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 25-30 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร

  • ระยะนี้อากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะทางตอนบนของภาค ผู้ที่เลี้ยงสัตว์ ควรควบคุมอุณหภูมิภายในโรงเรือน อย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็ว เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ช่วงที่อุณหภูมิลดลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สัตว์น้ำชายฝั่งปรับตัวไม่ทันและน็อกน้ำตายได้ หากสัตว์น้ำโตได้ขนาด เกษตรกรควรรีบจับขายเพื่อลดความเสี่ยง นอกจากนี้ควรเปิดเครื่องตีน้ำ เพื่อปรับอุณหภูมิน้ำไม่ให้แตกต่างกันมากและเป็นการเพิ่มออกซิเจนในน้ำด้วย รวมทั้งลดปริมาณอาหาร เนื่องจากอุณหภูมิลดลง สัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย ทำให้สัตว์อ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

ในช่วงวันที่ 23-26 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ถึงกระจาย ร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ และมีฝนหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ในช่วงวันที่ 27-28 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

  • ช่วงนี้ทางตอนบนของภาคแม้จะมีฝน แต่ปริมาณและการกระจาย ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
  • ส่วนทางตอนล่างของภาคจะมีฝนเพิ่มขึ้น พื้นที่การเกษตรในที่ลุ่ม เกษตรควรดูแลระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำขังบริเวณแปลงปลูก รวมทั้งกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงที่มีฝนตกน้อย
  • อนึ่ง ในช่วงวันที่ 23- 27 ม.ค. บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรง ทะเลมีคลื่นสูง 2 - 3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองมีคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตรชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

ในช่วงวันที่ 23-26 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 20-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1- 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ในช่วงวันที่ 27-28 ม.ค. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

  • ช่วงนี้ทางตอนบนของภาคแม้จะมีฝน แต่ปริมาณและการกระจาย ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต รวมทั้งคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
  • ส่วนทางตอนล่างของภาคจะมีฝนเพิ่มขึ้น พื้นที่การเกษตรในที่ลุ่ม เกษตรควรดูแลระบบระบายน้ำในแปลงปลูกให้มีประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันน้ำขังบริเวณแปลงปลูก รวมทั้งกักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงที่มีฝนตกน้อย

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ