ระหว่าง 08 กุมภาพันธ์ 2559 - 14 กุมภาพันธ์ 2559
ภาคเหนือ
ในช่วงวันที่ 8-9 ก.พ. อากาศหนาวกับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 8-15 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-29 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 1-7 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ส่วนในวันที่ 10-14 ก.พ. มีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 3-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
- สัปดาห์นี้ยังคงมีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ตนเอง และสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย และควรดับไฟให้สนิททุกครั้งหลังจากจุดไฟเพื่อให้ความอบอุ่น
- ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนโดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- สำหรับหมอกและน้ำค้างในระยะนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา โดยเฉพาะโรคราน้ำค้างในพืชผักและไม้ดอก นอกจากนี้ ไม่ควรตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้
- พื้นที่การเกษตรในบริเวณที่สูงควรระวังและป้องกันความเสียหายเนื่องจากน้ำค้างแข็งไว้ด้วย
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 8-9 ก.พ. อากาศหนาวกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 9-14 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-28 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวจัดถึงหนาวจัดและมีน้ำค้างแข็งบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 1-8 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 10-14 ก.พ. อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-3 องศาเซลเซียส กับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ ทางตอนบนของภาคอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-10 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.
- สัปดาห์นี้สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วกับมีลมแรง เกษตรกรควรรักษาสุขภาพของตนเองให้แข็งแรง และให้ความอบอุ่นกับร่างกายอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมและเพิ่มความอบอุ่นภายในโรงเรือนโดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
*ในช่วงที่อุณหภูมิลดลง จะทำให้อุณหภูมิน้ำลดต่ำลง ส่งผลให้สัตว์น้ำโดยเฉพาะปลาปรับตัวไม่ทันและน็อกน้ำตายได้ เกษตรกรควรเปิดเครื่องตีน้ำให้บ่อยขึ้น เพื่อปรับอุณหภูมิและเป็นการเพิ่มออกซิเจนให้กับน้ำ รวมทั้งลดปริมาณอาหารลง เพราะปลาจะกินอาหารได้น้อย อาหารที่เหลือจะทำให้น้ำเน่าเสีย และหากปลาโตได้ขนาด ควรจับขายเพื่อลดความเสี่ยง
- ในช่วงวันที่ 10-14 ก.พ. อุณหภูมิสูงขึ้นกับมีหมอกและหมอกหนาในบางพื้นที่ ผลผลิตทางการเกษตรที่เก็บเกี่ยวมาแล้ว เกษตรกรไม่ควรตากทิ้งไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะอาจเปียกชื้นเสียหายได้ ส่วนผู้ที่ปลูกพืชไร่และผักชนิดต่างๆ ควรระวังและป้องกันโรคราน้ำค้าง ซึ่งจะทำให้ต้นพืชเสียหาย ผลผลิตลดลงและด้อยคุณภาพ
ภาคกลาง
ในช่วงวันที่ 8-9 ก.พ. อากาศเย็นกับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 26-28 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 10-14 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า และมีหมอกหนาบางพื้นที่ โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
- สัปดาห์นี้สภาพอากาศจะเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กับมีลมแรง เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ และรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรทำแผงกำบังลมภายในโรงเรือนโดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็ก เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- ส่วนผู้ที่ปลูกพืชไร่และผักชนิดต่างๆ ควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมและคลุมโคนต้นด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยน้ำจากดิน นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกหนอนชนิดต่างๆ เช่น หนอนใยผัก ซึ่งจะกัดกินทำให้ต้นพืชเสียหาย
ภาคตะวันออก
ในช่วงวันที่ 8-9 ก.พ. อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 15-19 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 10-14 ก.พ. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า โดยอุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร
- สัปดาห์นี้ ยังคงมีอากาศเย็นในตอนเช้า เกษตรกรควรรักษาสุขภาพให้แข็งแรงเพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
- ระยะนี้สภาพอากาศแห้งกับมีลมแรง ทำให้น้ำระเหยจากดินและพืชได้มาก เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติม โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกและติดผลอ่อน หากขาดน้ำจะทำให้ดอกร่วงหล่น การติดผลลดลง ผลผลิตเสียหาย รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช
- ในช่วงที่มีหมอกจะทำให้การระบาดของโรคราดำในมะม่วงเพิ่มมากขึ้น ชาวสวนควรหมั่นสำรวจ หากพบการระบาดของโรคดังกล่าวควรฉีดพ่นด้วยน้ำหรือน้ำส้มควันไม้จะทำให้การระบาดลดลง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 8-9 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-45 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 17-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ส่วนในช่วงวันที่ 10-14 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20-30 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไป ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร
- สัปดาห์นี้ แม้จะมีฝน แต่ปริมาณและการกระจาย ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต และกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวก ปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโตและแคระแกร็น
- สำหรับเกษตรกรที่มีแหล่งน้ำของตนเองควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงฝนตกน้อย
- อนึ่ง ในช่วงวันที่ 8-9 ก.พ. บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นลมแรง ทะเลมีคลื่นสูง 2-4 เมตร เกษตรกรที่เลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังความเสียหายที่จะเกิดขึ้น ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วงวันที่ 8-9 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 10-14 ก.พ. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
- สัปดาห์นี้ แม้จะมีฝน แต่ปริมาณและการกระจาย ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำเพิ่มเติมแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโตอย่างเพียงพอ หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต และกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวก ปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโตและแคระแกร็น
- สำหรับเกษตรกรที่มีแหล่งน้ำของตนเองควรวางแผนการใช้น้ำที่เก็บกักไว้ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อจะได้มีน้ำใช้ในช่วงฝนตกน้อย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74