ระหว่าง 24 กุมภาพันธ์ 2559 - 01 มีนาคม 2559
ภาคเหนือ
ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา ค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-30) มม. เว้นแต่ทางตอนล่างของภาคค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง (-30) ถึง (-40) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้า ปริมาณฝนมีน้อย ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม และใช้น้ำอย่างประหยัด โดยให้น้ำพืชครั้งละน้อยๆแต่บ่อยครั้ง หรือให้น้ำพืชในช่วงเย็น เพื่อลดอัตราการสูญเสียน้ำจากการระเหย โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะติดผลอ่อน เกษตรกรควรให้น้ำอย่างเพียงพอ เพราะหากได้รับน้ำไม่เพียงพอจะทำให้ผลร่วงหล่น การติดผลลดลง
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาทางตอนบนของภาคค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-30) มม. เว้นแต่ทางตอนล่างของภาคค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง (-30) ถึง (-40) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้า ไม่มีฝนตก ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม และควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
ภาคกลาง
ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาทางตอนบนของภาคค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง (-30) ถึง (-40) มม. ส่วนทางตอนล่างของภาคค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-30) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้า ปริมาณฝนมีน้อย ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม และควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองเอาไว้ให้พืชในระยะเจริญเติบโต เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตลดลง
ภาคตะวันออก
ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาทางตอนบนของภาคค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง (-30) ถึง (-40) มม. ส่วนทางตอนล่างของภาคค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-30) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้า ปริมาณฝนมีน้อย ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม และควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน สำหรับเกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชในระยะนี้ควรมีน้ำสำรองเอาไว้ให้พืชในระยะเจริญเติบโต เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโต ส่งผลให้ผลผลิตลดลง
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง (-20) ถึง (-40) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้า ปริมาณฝนมีน้อย ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม และควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
ในช่วง 7 วันที่ผ่านมาค่าสมดุลน้ำส่วนใหญ่อยู่ระหว่าง (-30) ถึง (-40) มม. ประกอบกับในช่วง 7 วันข้างหน้า ปริมาณฝนมีน้อย ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลง เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชอย่างเหมาะสม และควรคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน
หมายเหตุสมดุลน้ำ คือ ปริมาณฝน – ปริมาณการคายระเหยน้ำของพืช, การคายระเหยน้ำ คือ น้ำระเหย + การคายน้ำของพืช แผนที่สมดุลน้ำสามารถดาวน์โหลดได้ตามลิงค์ http://www.arcims.tmd.go.th/DailyDATA/PET7day.php สำหรับแผนที่สมดุลน้ำคิดที่สถานีตรวจอากาศของกรมอุตุนิยมวิทยา ส่วนในบริเวณอื่นเป็นการประมาณค่า (Interpolation)
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74