พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตรระหว่าง 29 กุมภาพันธ์ 2559 - 06 มีนาคม 2559

ข่าวทั่วไป Monday February 29, 2016 13:32 —กรมอุตุนิยมวิทยา

ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ

ระหว่าง 29 กุมภาพันธ์ 2559 - 06 มีนาคม 2559

ภาคเหนือ

ในช่วงวันที่ 29 ก.พ.-2 มี.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ทางตอนบนของภาค อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 13-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 17-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 15-35 กม./ชม ส่วนในช่วงวันที่ 3-6 มี.ค. อากาศเย็นและมีหมอกในตอนเช้ากับมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 3-5 องศาเซลเซียส ทางตอนบนของภาค อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศาเซลเซียส ส่วนทางตอนล่างของภาค อากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 20-22 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 8-15 องศาเซลเซียส

  • ในช่วงวันที่ 29 ก.พ.- 2 มี.ค. อุณหภูมิจะลดลง 2-4 องศาเซลเซียส ทำให้มีอากาศหนาวเย็นต่อเนื่อง โดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ตนเองอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลอุณหภูมิภายในโรงเรือนอย่าให้เปลี่ยนแปลงรวดเร็วป้องกันสัตว์เลี้ยงปรับตัวไม่ทันจนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
  • ในช่วงที่อุณหภูมิลดลง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรเปิดเครื่องตีน้ำบ่อยขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนทำให้สัตว์ปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งควรควบคุมปริมาณอาหารที่ให้เพื่อป้องกันอาหารเหลือ ซึ่งจะทำให้น้ำเน่าเสีย
  • ในช่วงวันที่ 3-6 มี.ค. จะมีหมอกหนาในบางพื้นที่ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคราน้ำค้าง ในพืชไร่และผักชนิดต่างๆ ซึ่งจะทำให้ต้นพืชชะงักการเจริญเติบโตและผลผลิตเสียหายได้

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ในช่วงวันที่ 29 ก.พ. - 2 มี.ค. อากาศหนาว กับมี ลมแรง อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-32 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 4-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 3-6 มี.ค. อากาศเย็นถึงหนาวกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิ จะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 14-18 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-33 องศาเซลเซียส สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

  • ในช่วงวันที่ 29 ก.พ. - 2 มี.ค. อากาศหนาวกับมีลมแรง ทำให้มีอากาศหนาวเย็นต่อเนื่อง โดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรควรเพิ่มความอบอุ่นให้แก่ตนเองและสัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะสัตว์ที่ยังเล็กจะอ่อนแอและเจ็บป่วยได้ง่าย ส่วนผู้ที่จุดไฟเพื่อเพิ่มความอบอุ่น ควรดับให้สนิททุกครั้งเพื่อป้องกันการเกิดอัคคีภัย
  • ในช่วงที่อุณหภูมิลดลง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรเปิดเครื่องตีน้ำบ่อยขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงรวดเร็วจนทำให้สัตว์ปรับตัวไม่ทัน จนอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย รวมทั้งควรควบคุมปริมาณอาหารที่ให้เพื่อป้องกันอาหารเหลือ ซึ่งจะทำให้น้ำเน่าเสีย
  • ในช่วงวันที่ 3-6 มี.ค.จะมีหมอกหนาในบางพื้นที่ เกษตรกรที่เก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรมาแล้วไม่ควรตากทิ้งไว้กลางแจ้งข้ามคืน เพราะจะเปียกชื้นเสียหายได้

ภาคกลาง

ในช่วงวันที่ 29 ก.พ.-1 มี.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 2-6 มี.ค. อากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

  • ระยะนี้ทางตอนบนของภาคจะมีอากาศเย็นในตอนเช้า เกษตรกรควรให้ความอบอุ่นแก่ตนเองอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วย
  • เนื่องจากระยะนี้สภาพอากาศแห้ง ทำให้น้ำระเหยไปจากดินและต้นพืชมาก เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชเพิ่มเติมตามความเหมาะสมและคลุมดินบริเวณแปลงปลูกพืชและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เช่น ใบไม้ ฟางข้าว และหญ้าแห้ง เป็นต้น เพื่อลดการระเหยของน้ำบริเวณผิวดิน รักษาความชื้นภายในดิน รวมทั้งระวังศัตรูพืชจำพวกปากดูด ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้พืชทรุดโทรม โดยเฉพาะเพลี้ยแป้งและไรแดง ในมันสำปะหลัง

ภาคตะวันออก

ในช่วงวันที่ 29 ก.พ.-1 มี.ค. อากาศเย็นในตอนเช้า อุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 2-6 มี.ค. อากาศเย็นกับหมอกในตอนเช้าและมีหมอกหนาในบางพื้นที่ อุณหภูมิจะสูงขึ้น 2-4 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 23-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

  • ระยะนี้ยังคงมีสภาพอากาศแห้ง ทำให้น้ำระเหยจากดินและพืชได้มาก สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะออกดอกและติดผลอ่อน ชาวสวนควรให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอเพราะหากขาดน้ำจะทำให้ดอกร่วงหล่น การติดผลลดลง ผลผลิตเสียหาย รวมทั้งกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ โดยเฉพาะเพลี้ยไฟในมังคุด เพลี้ยไก่แจ้และไรแดงในทุเรียน ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นพืชทรุดโทรม

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)

มีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 10-20 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ส่วนมากทางตอนล่างของภาค ในช่วงวันที่ 29 ก.พ.-1 มี.ค. ตั้งแต่จังหวัดชุมพรขึ้นมา ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 20-40 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 2-3 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 2-6 มี.ค. ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส

  • ระยะนี้ แม้จะมีฝน แต่ปริมาณและการกระจายของฝน ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโตเพิ่มเติม หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต และกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวก ปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโตและแคระแกร็น
  • ในช่วงวันที่ 29 ก.พ. – 1 มี.ค. บริเวณอ่าวไทยตอนล่างตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีลงไปทะเลจะมี คลื่นสูง 2-4 เมตร ชาวประมงที่เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำบริเวณชายฝั่งควรระวังความเสียหายจากสภาวะคลื่นลมแรง ส่วนชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังในการเดินเรือ และเรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)

มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ในช่วงวันที่ 29 ก.พ.-1 มี.ค. ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 2-6 มี.ค. ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-35 องศาเซลเซียส

  • ระยะนี้ แม้จะมีฝน แต่ปริมาณและการกระจายของฝน ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของพืช เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชที่กำลังเจริญเติบโตเพิ่มเติม หากขาดน้ำจะทำให้พืชชะงักการเจริญเติบโต และกำจัดวัชพืชบริเวณโคนต้นเพื่อไม่ให้แย่งอาหารและน้ำจากต้นพืช รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวก ปากดูด เช่น เพลี้ยและไรชนิดต่างๆ ซึ่งจะดูดกินน้ำเลี้ยงทำให้ต้นชะงักการเจริญเติบโตและแคระแกร็น

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ