ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 08 เมษายน 2559 - 14 เมษายน 2559
ภาคเหนือ
อากาศร้อนถึงร้อนจัดหลายพื้นที่ กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 8-9 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 37-43 องศาเซลเซียส ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม. /ชม
- ระยะนี้สภาพอากาศร้อนถึงร้อนจัดในตอนกลางวัน เกษตรกรที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานานควรสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมและดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ ส่วนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก รวมทั้งจัดหาน้ำให้แก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียดและเจ็บป่วย
- สำหรับสภาพอากาศที่ร้อนจะทำให้มีอัตราการคายน้ำของพืชและน้ำระเหยจากดินมาก ทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลง เกษตรกรควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ โดยเฉพาะไม้ผลที่อยู่ในระยะจริญเติบโตทางผล เช่น ลิ้นจี่ และลำไย เพราะหากขาดน้ำจะทำให้ผลชะงักการเจริญเติบโต ผลผลิตด้อยคุณภาพ
- นอกจากนี้ เกษตรกรควรหลีกเลี่ยงการเผาวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพราะไฟอาจจะลุกลามทำให้เกิดอัคคีภัย รวมทั้งควันไฟจากการเผาไหม้จะทำให้ทัศนวิสัยลดลง และเกิดเป็นมลพิษทางอากาศ
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อากาศร้อนถึงร้อนจัดหลายพื้นที่ และมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 8-9 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38-42 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม. /ชม.
- ระยะนี้มีอากาศร้อนและร้อนจัดบางพื้นที่ เกษตรกรที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานานควรสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมและดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ นอกจากนี้ควรจัดหาน้ำดื่มให้แก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เลี้ยงเครียด ส่งผลให้สัตว์เลี้ยงอ่อนแอและเป็นโรคได้ง่าย
- ส่วนสภาพอากาศร้อนและแห้งจะทำให้อัตราการคายน้ำและการระเหยน้ำเพิ่มมากขึ้น เกษตรกรที่ปลูกพืชไร่และผักชนิดต่างๆ ควรดูแลให้น้ำแก่พืชอย่างเพียงพอ และคลุมโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรเพื่อลดการระเหยน้ำจากดิน รวมทั้งระวังการระบาดของศัตรูพืชจำพวกเพลี้ยและไรชนิดต่างๆด้วย
- นอกจากนี้ เกษตรกรควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัย โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่เพาะปลูก อาคารบ้านเรือน และโรงเก็บพืชผลทางด้านการเกษตร โดยเฉพาะบริเวณสวนยางพารา เนื่องจากติดไฟแล้วจะลุกลามเป็นอัคคีภัยได้ง่าย
ภาคกลาง
อากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ตลอดช่วง อุณหภูมิต่ำสุด 25-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38-41 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม. /ชม.
- ระยะนี้อากาศร้อนผู้ที่เลี้ยงสัตว์ควรดูแลโรงเรือนให้อากาศถ่ายเทได้สะดวก รวมทั้งจัดหาน้ำให้แก่สัตว์เลี้ยงอย่างเพียงพอ เพื่อป้องกันสัตว์เครียดและเจ็บป่วย ส่วนผู้ที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานานควรสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมและดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ
- ระยะนี้ไม่มีฝนตก เกษตรกรควรให้น้ำแก่พืชที่ปลูกเพิ่มเติม และใช้น้ำที่เก็บกักไว้อย่างประหยัด รวมทั้งคลุมดินและโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อรักษาความชื้นภายในดิน และระวังป้องกัน การระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูดในพืชไร่ ไม้ผล และพืชผัก ซึ่งตัวอ่อนและตัวเต็มวัยจะดูดกินน้ำเลี้ยงจากพืชทำให้ต้นทรุดโทรม ผลผลิตเสียหาย
ภาคตะวันออก
อากาศร้อนถึงร้อนจัดบางพื้นที่ กับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 8-9 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-40 องศาเซลเซียส ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร
- ระยะนี้มีอากาศร้อนและร้อนจัดบางพื้นที่ โดยเฉพาะทางตอนบนของภาค เกษตรกรที่ต้องทำงานกลางแจ้งเป็นเวลานานควรสวมใส่เสื้อผ้าที่เหมาะสมและดื่มน้ำบ่อยๆ เพื่อป้องกันร่างกายขาดน้ำ
- ระยะนี้ปริมาณฝนที่ตกมีน้อย ไม่เพียงพอกับความต้องการของพืชประกอบกับอัตราการคายน้ำของพืชและการระเหยน้ำจากดินมีมาก สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรจัดหาน้ำให้แก่พืชอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันผลชะงักการเจริญเติบโตและด้อยคุณภาพ รวมทั้งควรคลุมโคนต้นพืชด้วยวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร เพื่อลดการระเหยน้ำจากดิน
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
อากาศร้อนในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ตลอดช่วง ลมใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 32-39 องศาเซลเซียส
- เนื่องจากระยะนี้อากาศร้อน ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยในพื้นที่เพาะปลูก โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่การเกษตร อาคารบ้านเรือน และโรงเก็บพืชผลทางด้านการเกษตร
- ระยะนี้อัตราการคายระเหยน้ำของพืชมีมากกว่าปริมาณฝนที่ตก ทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลงเรื่อยๆ สำหรับไม้ผลที่กำลังเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรดูแลให้น้ำสม่ำเสมอเพื่อป้องกันผลอ่อนแคระแกร็นและร่วงหล่น รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด โดยเฉพาะเพลี้ยไฟในมังคุด และเพลี้ยไก่แจ้ในทุเรียน
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
อากาศร้อนในตอนกลางวัน ตลอดช่วง โดยในช่วงวันที่ 9-11 เม.ย. มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ ลมใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นต่ำกว่า 1 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34-39 องศาเซลเซียส
- เนื่องจากระยะนี้อากาศร้อน ชาวสวนยางพาราควรระวังและป้องกันการเกิดอัคคีภัยในพื้นที่เพาะปลูก โดยทำแนวกันไฟรอบพื้นที่การเกษตร อาคารบ้านเรือน และโรงเก็บพืชผลทางด้านการเกษตร
- ระยะนี้อัตราการคายระเหยน้ำของพืชมีมากกว่าปริมาณฝนที่ตก ทำให้ปริมาณน้ำในดินลดลงเรื่อยๆ สำหรับไม้ผลที่กำลังเจริญเติบโตทางผล ชาวสวนควรดูแลให้น้ำสม่ำเสมอเพื่อป้องกันผลอ่อนแคระแกร็นและร่วงหล่น รวมทั้งควรระวังและป้องกันการระบาดของศัตรูพืชจำพวกปากดูด โดยเฉพาะเพลี้ยไฟในมังคุด และเพลี้ยไก่แจ้ในทุเรียน
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74