ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ
ระหว่าง 12 พฤษภาคม 2560 - 18 พฤษภาคม 2560
ภาคเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ในช่วงวันที่ 12-13 พ.ค.ลมใต้ ความเร็ว 10-25 กม. /ชม. ส่วนในช่วงวันที่ 14-18 พ.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.อุณหภูมิต่ำสุด 21-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-38 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-25 กม. /ชม.
- พื้นที่การเกษตร เนื่องจากระยะนี้จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงตลอดช่วง เกษตรกรควรระวังอันตรายและเตรียมป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สิน อาคารบ้านเรือน และควรซ่อมแซมโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้อยู่ในสภาพที่แข็งแรง ส่วนผลผลิตพืชไร่ที่แก่ดีแล้วควรรีบเก็บเกี่ยวและลดความชื้นก่อนนำเข้าโรงเก็บ
- ไม้ดอก ระยะนี้จะมีฝนตกต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้สภาพอากาศมีความชื้นเพิ่มขึ้น เกษตรกรที่ปลูกไม้ดอกโดยเฉพาะที่อยู่ในโรงเรือนควรหมั่นสำรวจแปลงปลูกและปรับปรุงโรงเรือนให้มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรคยอดเน่าและโรคใบจุดในกล้วยไม้ เป็นต้น
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง โดยเฉพาะในช่วงวันที่ 15-18 พ.ค. อุณหภูมิต่ำสุด 22-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-35 องศาเซลเซียส ในช่วงวันที่ 12-13 พ.ค.ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 14-18 พ.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.
- พื้นที่การเกษตรเนื่องจากระยะนี้จะยังคงมีฝนฟ้าคะนองต่อเนื่อง และจะมีลมกระโชกแรงบางแห่งส่วนมากในช่วงวันที่ 15-18 พ.ค. เกษตรกรควรระวังอันตรายและเตรียมป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สิน อาคารบ้านเรือน และควรซ่อมแซมโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้อยู่ในสภาพที่แข็งแรง ส่วนผลผลิตพืชไร่ที่แก่ดีและควรรีบเก็บเกี่ยวและลดความชื้นก่อนนำเข้าโรงเก็บ
- พืชผักระยะนี้จะมีฝนตกต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านตะวันตกและตอนล่างของภาค เกษตรกรที่ต้องการปลูกพืชผักหรือพืชอายุสั้นและใช้น้ำน้อย ควรวางแผนการเพาะปลูกและควรคลุกเมล็ดพันธุ์หรือท่อนพันธุ์ด้วยสารป้องกันเชื้อราก่อนปลูก
ภาคกลาง
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง และมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ในช่วงวันที่ 12-13 พ.ค. ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 10-30 กม. /ชม.ส่วนในช่วงวันที่ 14-18 พ.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม.อุณหภูมิต่ำสุด 24-27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-36 องศาเซลเซียส
- พื้นที่การเกษตรเนื่องจากระยะนี้จะมีฝนตกตลอดช่วง กับจะมีลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรควรระวังและป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับผลผลิตการเกษตร รวมทั้งควรซ่อมแซมโรงเรือนเลี้ยงสัตว์ให้อยู่ในสภาพที่แข็งแรง ส่วนผลผลิตพืชไร่ที่แก่ดีแล้วควรรีบเก็บเกี่ยวและลดความชื้นก่อนนำเข้าโรงเก็บ
- สัตว์น้ำระยะนี้จะมีฝนตกต่อเนื่องตลอดช่วง ผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรหมั่นสังเกตสัตว์ที่เลี้ยงโดยเฉพาะหลังจากที่มีฝนตกซึ่งจะทำให้อุณหภูมิของน้ำและสภาพน้ำเปลี่ยน อาจจะทำให้สัตว์ปรับตัวไม่ทัน จะอ่อนแอและติดเชื้อโรคได้ง่าย
ภาคตะวันออก
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ตลอดช่วง กับมีฝนตกหนักและมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ในช่วงวันที่ 12-13 พ.ค. ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 14-18 พ.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-35 องศาเซลเซียส
- พื้นที่การเกษตรเนื่องจากระยะนี้จะมีฝนตกตลอดช่วงกับมีฝนตกหนักและลมกระโชกแรงบางแห่ง เกษตรกรควรระวังอันตรายและเตรียมป้องกันความเสียหายที่จะเกิดกับทรัพย์สิน อาคารบ้านเรือน และควรซ่อมแซมโรงเก็บผลผลิต สำหรับไม้ผลที่อยู่ในระยะผลแก่ เกษตรกรควรระวังความเสียหายเนื่องจากฝนที่จะตกหนักในระยะนี้ ซึ่งอาจทำให้กิ่งฉีกหักและผลร่วงหล่น เป็นต้น
- พริกไทย เนื่องจากระยะนี้จะมีฝนตกต่อเนื่องและมีฝนตกหนักบางแห่ง ประกอบกับระยะต่อไปจะเข้าสู่ฤดูฝนซึ่งจะมีฝนเพิ่มมากขึ้น เกษตรกรที่ปลูกพริกไทยควรซ่อมแซมระบบระบายน้ำเพื่อป้องกันน้ำท่วมขังบริเวณแปลงปลูก รวมทั้งระวังและป้องกันการระบาดของโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา เช่น โรครากเน่า เป็นต้น
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก)
ในช่วงวันที่ 12-13 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 14-18 พ.ค. มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 30-40 ของพื้นที่ กับมีฝนตกหนักบางแห่งอุณหภูมิต่ำสุด 23-26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-34 องศาเซลเซียส ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-30 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 15-18 พ.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร
- พื้นที่การเกษตรเนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นช่วงฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ภาคใต้ฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นด้านรับลมมรสุมจะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก ขุดลอกคูคลอง เพื่อป้องกันน้ำท่วมพื้นที่เพาะปลูก
- ยางพาราระยะนี้จะมีฝนตกตลอดช่วงกับมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับผู้ที่ปลูกยางพาราควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก)
มีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 40-60 ของพื้นที่ ตลอดช่วง กับมีฝนตกหนักบางแห่ง ในช่วงวันที่ 12-13 พ.ค.ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ส่วนในช่วงวันที่ 14-18 พ.ค. ลมตะวันตกเฉียงใต้ ความเร็ว 20-35 กม. /ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร อุณหภูมิต่ำสุด 22-25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 31-34 องศาเซลเซียส
- พื้นที่การเกษตรเนื่องจากระยะต่อไปจะเป็นช่วงฤดูมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ภาคใต้ฝั่งตะวันตกซึ่งเป็นด้านรับลมมรสุมจะมีฝนเพิ่มมากขึ้นและมีฝนตกหนักบางแห่ง เกษตรกรควรทำทางระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูก ขุดลอกคูคลอง เพื่อป้องกันน้ำท่วมพื้นที่เพาะปลูก
- ยางพาราระยะนี้จะมีฝนตกตลอดช่วงกับมีฝนตกหนักบางแห่ง สำหรับผู้ที่ปลูกยางพาราควรดูแลสวนให้โปร่งอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อลดความชื้นภายในสวน ป้องกันโรคพืชที่เกิดจากเชื้อรา
- ประมงชายฝั่ง ในช่วงวันที่ 14-18 พ.ค. คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ชาวเรือและชาวประมงควรเพิ่มความระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74